‘บิ๊ก NT’เผยเตรียมเจรจา‘กสทช.’ดึง 3 คลื่น 850-2100-2300 MHz หลังสิ้นสุดสัญญาปี68 เปิดให้บริการพื้นที่ห่างไกล ยัน‘รมว.ดีอี’สั่งทบทวนแผนลงทุนคลื่น 26 GHz ชี้เทคโนโลยีเครื่องลูกข่ายไม่พร้อม ทำราคาสูง สั่งให้ศึกษาตลาดก่อนลงทุน พร้อมเดินหน้าให้บริการ 5G บนคลื่น 700 MHz

24 ธันวาคม 2566 พันเอกสรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า สัญญาที่ทำร่วมกับพันธมิตร สำหรับใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) คลื่นความถี่ย่าน 850, 2100,2300 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ที่จะสิ้นสุดในปี 2568 จะไม่มีรายได้ในธุรกิจทั้ง 3 คลื่นนี้

“2100, 2300 MHz  พอหมดอายุไลเซ่นส์แล้ว เราก็ไม่มีสิทธิใช้คลื่นความถี่  ในส่วนโครงสร้างพื้นฐาน มีหลายตัว บางตัวเป็นการเช่าใช้ คลื่น 2300 MHz ทั้งหมด ดีแทค เป็นผู้ลงทุน เขาเป็นเจ้าของ ซึ่งโมเดลในการทำสัญญา ดีแทคลงทุน NT มีคลื่นความถี่ เอามาประกบกัน ตามสัญญาดีแทค เป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐาน แต่ภายใต้สัญญามีออปชั่น เราสามารถ ซื้อคืนกลับมาให้บริการ แต่ก็ต้องดูว่า เมื่อเราซื้อคืนมาแล้วไม่เกิดประโยชน์ เพราะเราไม่มีคลื่น  850 MHz ก็เหมือนกัน สัญญาเดิมคืน เราต้องลงทุน แต่ที่ผ่านมา เค้าไม่ขายคืน เราก็เลยเช่าใช้ หมดคลื่น ถ้าเราไม่สามารถเจรจาต่ออายุคลื่นได้ ก็ไม่มีประโยชน์” ซีอีโอ NT กล่าว

อย่างไรก็ตามในเมื่อคลื่นความถี่หมดอายุสัญญา แต่อุปกรณ์เหล่านั้น ยังมีมูลค่าอยู่ ซึ่ง NT มองว่าทรัพย์สิน และโครงสร้างพื้นฐาน ต่างๆ มีมูลค่านำมาทำประโยชน์ได้ โดยที่คลื่นยังไม่ถูกนำไปเปิดประมูล NT ยังนำมาสร้างประโยชน์ สร้างรายได้ให้กับองค์กร จุดประสงค์ดังกล่าวนี้อยู่ระหว่างการหารือกับ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)  เกี่ยวกับนโยบายว่าจะมีนโยบายและเจรจากับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อย่างไร เบื้องต้นมองว่า การนำคลื่นไปให้บริการในพื้นที่ห่างไกล ใช้ประชาชน ได้เข้าถึงการใช้ประโยชน์ของคลื่นเหล่านี้                                                 

ขณะเดียวกัน รมว.ดีอี ได้ให้นำคลื่น 26 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) ที่ได้ประมูลมาจำนวน 100 MHz กลับมาทบทวนแผนการลงทุนใหม่ เนื่องจาก การให้บริการเทคโนโลยีระบบ 5G บนคลื่น 26 GHz เป็นการให้บริการแบบ SA หรือ Standalone แบบเพียวๆ ไม่มีเทคโนโลยีระบบ 4G มาร่วมให้บริการ ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ ที่ยังไม่มีการใช้งาน รวมถึงเทคโนโลยีที่ยังไม่ใช้ในแถบเอเชีย

“700 MHz ไม่ได้เบรค ลงทุนไปจบเรียบร้อยแล้ว ข่าวที่ผ่านมาไม่ถูกต้อง ตัวที่ให้มารีไวซ์ คือ 26 GHz ที่เป็น SA เทคโนโลยีมาช้า ในเมื่อมาช้า ทำไมจะต้องรีบลงเป็นก่อน รมว.ดีอี ให้ไปศึกษาดูว่า โอเปอเรเตอร์รายอื่นๆ เค้าลงทุนแบบไหนเพื่อให้สอดคล้อง ดีกว่าลงทุนเสร็จ แต่เครื่องลูกข่ายไม่มา ไม่มีตลาด ซึ่งก็สอดคล้อง กับสถานการณ์ที่ผ่านมา ตัวเทคโนโลยีอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ ยังไม่มา เกิดโควิดต่างๆ ทำให้เกิดการล่าช้า พอดีเลย์  เครื่องลูกข่าย มีอยู่แค่  3 ยี่ห้อ ตลาดเล็ก ต้องเช็คกับโอเปอเรเตอร์ ค่ายอื่นๆ เค้าชะลอมั้ย ซึ่งที่ผ่านมาเค้าลงแต่เค้าไม่ลงเต็มที่ เราก็เลยกับมาดูก่อนเพราะของเราเอง เราจะลง  โปรเจกต์เบส 26 GHz เวลาทำงาน เวลาทำธุรกิจจะเป็นโครงการเล็กๆ” ซีอีโอ NT กล่าว

ซีอีโอ NT กล่าวอีกว่า ดังนั้นการลงทุนคลื่น 26 GHz  ตอนแรกที่เสนอลงทุน ราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งก็ตัดงบออกมาเหลือประมาณ 800 กว่าล้านบาท เนื่องจากจะเป็นการใช้โครงข่ายหลัก (Core Network) ร่วมกับคลื่น 700 MHz ซึ่งคลื่น 700 MHz NT ได้ลงทุนไปแล้ว ทำให้ลดลงไปราว 1,400 ล้านบาท ซึ่งพอที่เหลือจะลงทุนเพิ่มอีก 800 ล้านบาท  จึงให้ขอศึกษาเพิ่มเติมก่อน  ตอนนี้ยังไม่มีลูกค้า รมว.ดีอีขอให้กลับมารีไวซ์ และดูเป้าหมายให้ชัดเจน

“มีการคุยกันว่า ยกตัวอย่างเช่น เครือข่ายไร้สายระบบเอดจ์ ( EDGE)  จะลงทุนโครงข่าย 4 ภูมิภาค จำเป็นต้องลงหรือไม่ เราก็เลยเลือกว่า จะลงเฉพาะพื้นที่ EEC ก่อนเพื่อที่จะขยายพอร์ตนี้ แต่ถ้าพื้นที่อื่นมีเราค่อยทยอยลงดีกว่า แต่งบไม่ได้ถูกตัด แค่วางแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ใช้ได้แต่ราคายังสูง เครื่องลูกข่ายมีน้อย ติดเรื่องของต้นทุนสูง เรารอว่า จีนกับกำลังประกาศ ทำคลื่น 26 GHz เค้าน่าจะมอบคลื่นให้กับโอเปอเรเตอร์ทุกราย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อทำตลาด 26 GHz ซึ่งมองว่า อุปกรณ์เครื่องลูกข่ายจะต้องถูกลง แต่เราประมูลมานานแล้ว ทุกคนรู้ว่ามันยังไม่พร้อม การเปิดประมูลขึ้นมา การประมูลทุกโอเปอเรเตอร์ มองเห็นโอกาส ถ้าไม่ประมูล แล้วเมื่อไหร่จะเปิดประมูลอีก  100 MHz ตอนนี้เรากำลังดูอยู่จะทำร่วมกันเหมือนที่ทำ 700 MHz หรือไม่ บอร์ดให้นโยบายมา 2 เรื่อง คือ 1.จะชะลออย่างไร 2.มีโมเดลที่ร่วมกับโอเปอเรเตอร์ได้หรือไม่ อยู่ระหว่างการศึกษากันอยู่” พันเอกสรรพชัยย์ กล่าว