นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า งานเร่งด่วนที่ NT ต้องทำคือการหารายได้ทดแทนรายได้จากสัมปทานที่จะหายไป 40,000 ล้านบาท ในปี 2568 จึงต้องเร่งหาตลาดใหม่มาทดแทน ซึ่งปัจจุบัน NT มีกระแสเงินสด 100,000 ล้านบาท โดยมองว่านอกจากการกันงบไว้จัดการคดีข้อพิพาทแล้ว ควรนำมาลงทุนมากกว่า เช่น การลงทุนพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ หรือ Venture Capital เป็นต้น
ทั้งนี้ปัจจุบัน NT มีรายได้จากการลงทุน 1% ตั้งเป้าเพิ่มอย่างน้อยเป็น 3% ปี 2567 รวมถึงให้นโยบายการจัดการคดีข้อพิพาทต่างๆกับเอกชนให้มากที่สุด เพื่อลดความเสียหายในการฟ้องร้องต่อกัน ปัจจุบัน NT มีคดีกับเอกชนกว่า 100 คดี โดยคดีที่มีมูลค่า 1,000 ล้านบาท มี 17 คดี เป็นคดีที่ NT ฟ้องเอกชนมูลค่ากว่าแสนล้านบาท คดีที่เอกชนฟ้อง NT มูลค่า 80,000-90,000 ล้านบาท
ในขณะเดียวกันสินทรัพย์ที่มีทั้งอาคารและที่ดิน ควรนำมาทำให้เกิดประสิทธิภาพและมีรายได้จากค่าเช่ามากกว่าเดิม ซึ่งจำเป็นต้องหาพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการเข้ามาช่วย หรือแยกออกมาเป็นบริษัทลูก เพื่อบริหารจัดการ ลดค่าใช้จ่าย และสร้างรายได้ จากการรองรับงานบริษัทแม่ และบริษัทอื่นๆ และผันตัวเป็นบริษัท โฮลดิ้ง คอมพานี รวมถึงจะมีการตั้งที่ปรึกษาด้านการบริการจัดการบุคลากร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของ NT
สำหรับคลื่น 700 MHz ที่ NT ประมูลมาจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มองว่าเหมาะกับการให้บริการ Smart IoT และสนับสนุนการให้บริการหน่วยงานภาครัฐ ขณะที่คลื่น 26 กิกะเฮิรตซ์ (GHz ) ควรเป็นหน่วยงานหลักในการวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ผู้ให้บริการทุกรายมาใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน โดยเน้นตลาดกลุ่มโรงงานเกิดใหม่ เพราะโรงงานอุตสาหกรรมเดิมมีการวางโครงสร้างพื้นฐานไฟเบอร์กันหมดแล้ว
โดยก่อนหน้านี้ NT ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับนิคมอุตสาหกรรมไปแล้วกว่า 1 ปี เพื่อลงโครงสร้างพื้นฐาน 5G คลื่น 26 GHz ในการให้บริการโรงงานอัจฉริยะ แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินการ NT จึงต้องเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมเพื่อเป็นแหล่งรายได้ นอกจากนี้การทำ Cloud นั้น NT ควรเปลี่ยนมาหาพันธมิตรเอกชน โดยให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน NT เป็นหน่วยงานกลางด้าน Cloud ของประเทศทำหน้าที่กำหนดมาตรฐาน ทำแอปพลิเคชั่นกลาง เพื่อให้ทุกรายเข้าถึงบริการ Could Platform Management (CPM) รวมถึงต่อยอดให้เกิดบริการใหม่ และเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาลงทุน ส่วนที่มีความสำคัญก็ทำเป็น Private Could ที่มีความปลอดภัยสูง อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติงบทำ Cloud ภาครัฐทุก 3 ปี แต่งบประมาณไม่เพียงพอกับความต้องการใช้งาน สำหรับธุรกิจดาวเทียม NTตั้งใจจะเป็นผู้ให้บริการหน่วยงานภาครัฐ โดยหารายได้จากการช่วยบริหารจัดการ ไม่ต้องเสียค่าสัมปทานส่วนวงโคจรที่ประมูลได้
พ.อ.สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (NT) กล่าวว่า ฝ่ายบริหาร NT เตรียมจะเสนอแผนการหารายได้ทดแทนรายได้ 40,000 ล้านบาท จากพันธมิตรที่เป็นสัมปทานโทรศัพท์มือถือที่จะหมดสัญญาเดือนกันยายน 2568 ให้คณะกรรมการ (บอร์ด) NT ชุดใหม่พิจารณาใน 5 แผนงาน ได้แก่1.การนำสินทรัพย์ที่มี 2,400 ไร่ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท มาให้เช่าพื้นที่ หรือการลงทุนร่วม เพื่อทำรายได้ ซึ่งต้องรอบอร์ดพิจารณาอีกครั้ง 2.เตรียมจัดตั้งบริษัทลูก 2-3 บริษัท ในปี 2567เน้นธุรกิจ Technology Digital ทุกด้านที่มีโอกาสทางการตลาดและสร้างรายได้ รวมถึงจะมีการถ่ายโอนพนักงาน NT บางส่วนจากสำนักงานใหญ่ไปบริษัทลูก
3.การพัฒนาธุรกิจข้อมูล Cloud เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐในการเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อให้เอกชนใช้งานข้อมูลภาครัฐได้ และสนับสนุนนโยบายด้าน Digital ของรัฐในการให้บริการ Server และเพิ่มมูลค่าการให้บริการเป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูลและสร้าง Cloud Platform Management (CPM) เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ด้าน Digital Solution ของ NT จาก 4,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีหรือปี 2570 คาดน่าจะเห็นภาพชัดเจนในธุรกิจ Data Analytics ไตรมาส 3/2567
4.ธุรกิจมือถือ มองว่าหลังการควบรวมธุรกิจ TRUE - DTAC ไม่กระทบ เพราะลูกค้าคนละกลุ่มกัน NT จะเน้นให้บริการหน่วยงานรัฐและธุรกิจแบบ B2B มากขึ้น เช่น ลูกค้ากลุ่มโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงเข้าร่วมกับโครงการรัฐในโครงการสมาร์ทต่างๆ และ 5.ธุรกิจบรอดแบนด์ NTจะไม่มีการขยายพอร์ตเพิ่ม เพราะปัจจุบันมีพอร์ตเชื่อมต่อเพียงพอแล้ว แต่เน้นลงทุนอุปกรณ์ปลายทาง เพื่อให้บริการพื้นที่โครงการเน็ตประชารัฐ เป็นต้น
ส่วนธุรกิจเคเบิลใต้น้ำ ที่เชื่อมต่อระบบสื่อสารและอินเตอร์เนตไปยังญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง คาดจะพร้อมใช้งานสิ้นปี 2567 ขณะที่การลงทุนทำ Data Center ปัจจุบันพื้นที่ที่บางรักเหลือ 500 Rack ต้องมีการหาพื้นที่เพิ่มเพื่อขยาย Data Center ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการใช้พื้นที่ในเมือง และมีนักลงทุนต่างชาติที่เป็นเจ้าของ Data Centerรายใหญ่ ให้ความสนใจหลายราย เช่น AWS, Google,Facebook และ Microsoft เป็นต้น
นอกจากนี้จะมีการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อลดการทำงานซ้ำซ้อน โดยจะมีการลดหน่วยธุรกิจจาก 13 หน่วยธุรกิจ ให้เหลือ 9-10 หน่วยธุรกิจรวมถึงจะเร่งดำเนินการโครงการเกษียณอายุก่อน (Early Retire) ที่จะมีอีกครั้งกลางปี 2567คาดจะมีพนักงานลดลง 1,400 คน ซึ่งตั้งแต่เริ่มควบรวมที่มีพนักงานกว่า 16,000 คน ปัจจุบันเหลือ 12,000 คน และจะต้องลดเหลือ 7,000-8,000 คน ภายในปี 2570 อย่างไรก็ตาม NT ได้ตั้งเป้าเร่งหารายได้มาเลี้ยงตัวเองให้ได้ภายในปี 2570 และกลับมาเทิร์นอะราวด์ในปี 2571
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี