มาสด้า วางยุทธศาสตร์รับปีมังกรทอง สร้างรากฐานให้มั่นคง ปั้นแบรนด์ให้แข็งแกร่ง พัฒนาเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เต็มรูปแบบ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ ยกระดับการบริการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ชูกลยุทธ์ Customer Experience Management (CXM) สร้างประสบการณ์ลูกค้าและมอบสิทธิประโยชน์ ดูแลลูกค้าหลังการขายแบบไร้ข้อกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ตั้งเป้าเติบโตทั้งยอดขายและการเพิ่มฐานลูกค้าที่เข้ารับบริการที่ศูนย์ฯ มาสด้าทั่วประเทศ มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับมาสด้าทั่วโลก
มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา เป็นปีแห่งความตึงเครียด ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม มีปัจจัยรอบด้านที่กระทบต่อผลการดำเนินธุรกิจมาสด้าในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป นโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด มาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นตัวเร่งให้เกิดการบิดเบือนกลไกตลาด รวมถึงกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคเร็วขึ้น การเข้ามาทำตลาดของแบรนด์ใหม่ๆ ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงกับมาสด้าที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงอยู่ในปัจจุบันไปสู่พลังงานทางเลือกรูปแบบใหม่ๆ แต่ถือว่ามาสด้าทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ มาสด้าพร้อมแปรสภาพความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น ให้กลายเป็นความเข้มแข็ง เชื่อว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดีกว่านี้
สำหรับยอดขายในปี 2566 ที่ผ่านมา มาสด้ามียอดจำหน่าย รวมทั้งสิ้น 16,544 คัน แบ่งออกเป็น รถยนต์นั่งจำนวน 8,718 คัน ประกอบด้วย มาสด้า2 จำนวน 7,834 คัน และมาสด้า3 จำนวน 884 คัน รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี จำนวน 6,981 แบ่งออกเป็น มาสด้า CX-30 จำนวน 3,254 คัน, มาสด้า CX-3 จำนวน 2,389 คัน, มาสด้า CX-8 จำนวน 999 คัน และมาสด้า CX-5 จำนวน 340 คัน รถปิกอัพ มาสด้า บีที-50 จำนวน 834 คัน และรถสปอร์ตเปิดประทุน มาสด้า MX-5 จำนวน 10 คัน ส่วนรถยนต์นั่งสุดหรู มาสด้า6 รุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 20 ปี ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากมีลูกค้าจองสิทธิ์เข้ามาแล้วกว่า 74 คัน จากจำนวนทั้งหมด 100 คัน
“แม้ว่ายอดขายมาสด้าจะปรับตัวลดลง แต่ในปีที่ผ่านมา มาสด้ายังประสบความสำเร็จในด้านการบริการหลังการขาย อันเป็นผลพวงจากการดำเนินธุรกิจภายใต้ Retention Business Model โดยมีลูกค้ากลับเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง และทำให้ผู้จำหน่ายมีผลกำไรแม้จะอยู่ในสถาวะตลาดชะลอตัว ไม่เพียงเท่านี้ มาสด้ายังสามารถรักษาสัดส่วนการจำหน่ายอะไหล่ไว้ได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยมีการจัดเก็บสต็อกอะไหล่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมกับปริมาณลูกค้าที่จะเข้ามารับบริการและรองรับต่อความต้องการในอนาคต จึงสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ได้ด้วยบริการที่สะดวกรวดเร็ว ทำให้แบรนด์มาสด้าในประเทศไทยมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงความสำเร็จจากแผนการดำเนินงานภายใต้โมเดลธุรกิจดังกล่าวได้เป็นอย่างดี”
พร้อมกันนี้ มร. ทาดาชิ มิอุระ ได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ในปี 2567 ว่า “โดยภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย แนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาคึกคักอย่างชัดเจน กำลังซื้อของผู้บริโภคมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น กลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 มาสด้าเชื่อว่าในปีนี้จะเป็นปีที่ท้ายทายยิ่งขึ้น การแข่งขันของตลาดรถยนต์ในประเทศจะทวีความร้อนแรง การเข้ามาลงทุนจากนักธุรกิจต่างประเทศ ผลักดันให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้นจากการปรับอัตราค่าแรง คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 750,000 – 800,000 คัน หรือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ในส่วนของมาสด้าคาดว่าจะเติบโตเช่นเดียวกัน เนื่องจากฐานลูกค้าที่เข้ามารับบริการที่ศูนย์บริการเพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มโอกาสในการขายรถใหม่มากขึ้น”
นอกจากนี้ มาสด้ายังได้ขยายกรอบตามกลยุทธ์ ภายใต้ Retention Business Model ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับการบริการลูกค้าในทุกมิติ ในรูปแบบ One Stop Service ตั้งแต่ด้านการขาย การบริการหลังการขาย การกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้า การเทรดอิน รวมถึงงานซ่อมตัวถังและสี โดยเฉพาะการขายรถใหม่ผ่านผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์ การขายรถมาสด้ามือสองคุณภาพเหนือระดับ ภายใต้โครงการ Mazda CPO ที่พัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับมูลค่ารถยนต์ให้กับลูกค้า และเพิ่มความสะดวกในการนำรถเข้ามาเทรดอิน โดยในปีนี้จะเน้นพัฒนาการขายผ่านช่องทางออนไลน์ Mazda CPO Marketplace มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าและตอบรับกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ยกระดับบริการหลังการขายด้วยการขยายศูนย์ซ่อมตัวถังและสี (Certified Body & Paint) ลดระยะเวลาในการรออะไหล่ และมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าด้วย Privilege Program ที่พิเศษมากกว่าเดิม เพื่อตอบสนองการให้บริการลูกค้าอย่างครบครัน
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศไทย เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ย่อมมีโอกาสและความท้าทายอยู่เสมอ มาสด้าให้ความสำคัญกับลูกค้า ฟังเสียงของลูกค้า เพราะลูกค้าเป็นรากฐานสำคัญ ในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง มาสด้าเริ่มวางแผนเพิ่มความเข้มข้นในการผลักดันนโยบายต่างๆ โดยเริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือมาก่อนล่วงหน้าถึง 2 ปี เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก โดยให้ความสำคัญกับลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่งด้วย Customer Experience Management (CXM) หรือ การจัดการประสบการณ์ลูกค้า เน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุดเพื่อสร้างรากฐานให้มั่นคง รวมถึงมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ Brand Value Management (BVM) หรือ การสร้างมูลค่าของแบรนด์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
โดยกลยุทธ์ด้านต่างๆ สามารถแบ่งออกได้ดังนี้
ปรับองค์กรให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจอย่างรวดเร็ว คล่องตัว และครอบคลุมยิ่งขึ้น: นโยบายสำคัญคือการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนไป ด้วยการปรับรูปแบบของธุรกิจไปสู่ Retention Business Model ซึ่งหลังจากดำเนินการมาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้ มาสด้าเตรียบขับเคลื่อนองค์กร ด้วยนโยบายหลัก 3 ประการ ภายใต้ Brand Value Management (BVM) ประกอบด้วย Purpose คือ เจตนารมณ์และเหตุผลหลักในการดำรงอยู่ของมาสด้า เน้นสร้างคุณค่าและเติมเต็มชีวิตให้กับผู้คนได้สัมผัสแบรนด์มาสด้าด้วยความภาคภูมิใจ Promise คือ คำมั่นสัญญาจากแบรนด์ที่มีให้กับลูกค้าทุกคน มาสด้ายังคงมุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก และ Value คือ การสร้างคุณค่าของแบรนด์ให้เป็นมากกว่ายานพาหนะแต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่จะทำให้ทุกครอบครัวมีความสุขตลอดการเดินทาง
การตลาดยุคดิจิทัลเน้นสื่อสารกับลูกค้าสร้างความประทับใจ: ยกระดับการสื่อสารกับลูกค้ามากขึ้น ฟังเสียงของลูกค้ามากขึ้น รักษาฐานลูกค้าเก่าและดึงลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อซ้ำ สร้างความพึงพอใจสูงสุดและเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด ตามนโยบาย Customer Experience Management (CXM) รวมถึงเข้าใจความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าคนไทยอย่างถ่องแท้ ควบคู่กับการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น พร้อมจัดกิจกรรมร่วมกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ทั้งด้าน CRM และ CSR เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับ องค์กร ผู้คน โลก สังคม ตามพันธกิจเฉกเช่นเดียวกับมาสด้าทั่วโลก
พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าปัจจุบัน: มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เต็มรูปแบบยิ่งขึ้น เติมเต็มความต้องการของลูกค้า เติมพลังให้กับผู้คนผ่านประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เดินหน้าตามพันธกิจสู่ความยั่งยืน Sustainable Zoom-Zoom 2030 ด้วยการวางรากฐานสู่การนำเสนอรูปแบบพลังงานทางเลือกที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้สถานการณ์และกรอบเวลาที่เหมาะสม เพื่อบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์
เอาใจใส่ดูแลลูกค้าเสมือนคนในครอบครัว ธุรกิจของผู้จำหน่ายต้องเติบโตอย่างยั่งยืน: เน้นกลยุทธ์ในการมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้ามาสด้าและครอบครัว ด้วยโครงการ Customer Loyalty Program รวมถึงสิทธิพิเศษในการซื้อรถใหม่กับ Mazda Family Campaign มอบสิทธิประโยชน์ในการเข้ารับบริการที่ศูนย์ฯ มาสด้าทั่วประเทศ เน้นจัดกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ ด้วย Customer Engagement Activity เพิ่มช่องทางในการดูแลลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ประสานความร่วมมือกับผู้จำหน่ายทุกโชว์รูมทั่วประเทศ เพื่อเอาใจใส่ดูแลลูกค้าและทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างความรักความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว รวมถึงส่งมอบประสบการณ์การใช้รถอย่างไร้ความกังวลกับรถยนต์ทุกรุ่น โดยเฉพาะโปรแกรมดูแลลูกค้าหลังการขายแบบไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อมอบความคุ้มค่าในระยะยาว กับโปรแกรม Mazda Care และ Mazda Ultimate Service เพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้าที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวมาสด้า และวางใจให้มาสด้าดูแลไปตลอดอายุการใช้งาน
“มาสด้าขอขอบคุณลูกค้า พันธมิตร ผู้จำหน่าย และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จากนี้ไป มาสด้ามั่นใจอย่างยิ่งว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนตลอดไป อันเกิดจากสิ่งที่ทางมาสด้าได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนโยบายการเอาใจใส่ดูแลลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถยนต์มาสด้าตามกลยุทธ์ Retention Business Model การส่งมอบผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่มาพร้อมทางเลือกที่หลากหลายรูปแบบและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในปัจจุบัน ช่วยให้การดำเนินชีวิตของลูกค้าเป็นไปอย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น ตามปณิธานในการส่งมอบความสุขในการขับขี่ Joy of Driving และยกระดับประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี