นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ปีนี้สสว.ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSME) ผ่านระบบการให้บริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจ (BDS) ภายใต้โครงการ “SME ปัง ตังได้คืน ปีที่ 3” คาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดกว่า 2,500 ล้านบาท จากปัจจุบันให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการแล้ว 4,500 รายมีระบบให้บริการ 406 บริการ จาก 98 ผู้ให้บริการทางธุรกิจ และสร้างมูลค่าเพิ่มกว่า 1,200 ล้านบาท โดยครอบคลุม 5 หมวดบริการ ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ การเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพธุรกิจ การพัฒนาและบริหารธุรกิจ การพัฒนาช่องทางการจำหน่ายและการตลาด
โดยในปี2567 สสว. จะมุ่งเน้นการเปิดให้บริการเพิ่มเติมด้านการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนที่กำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง และมีแนวโน้มเป็นการกีดกันสินค้าและบริการ ผ่านมาตรการทางการค้าระหว่างประเทศต่างๆ เช่น European Green Deal ซึ่งจะมีการบังคับใช้มาตรการปรับภาษีสินค้าที่ปล่อยคาร์บอนสูง (Carbon Border
Adjustment Mechanism : CBAM) จะคล้ายกับภาษีที่จัดเก็บคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของสินค้าต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
ทั้งนี้ สสว. ยังให้การสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจสีเขียว หรือ Green Economy และการผลักดันให้มีการนำธุรกิจเพื่อให้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green Transformation) เพื่อการยกระดับการพัฒนาอย่างยั่งยืนSustainable Development Goal (SDGs) ซึ่งปัจจุบัน ระบบ BDS มีบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น การให้คำปรึกษาในการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ภายในสถานประกอบการ การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร(Carbon Footprint for Organization หรือ CFO) การทวนสอบคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint forOrganization หรือ CFO) และการอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองฉลากคาร์บอน (คาร์บอนฟุตพริ้นท์) และขึ้นทะเบียนและการรับรองโครงการลดก๊าซเรือนกระจก โดยบริการดังกล่าวมีค่าบริการค่อนข้างสูง ตั้งแต่ราคา 100,000 - 500,000 บาท
“ดังนั้น หากผู้ประกอบการได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการใช้บริการผ่านระบบ BDS จะทำให้สามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ 50-80% หรือ สูงสุดถึง 200,000 บาทใช้สิทธิ์ได้ปีละ 2 ครั้ง จนถึงเดือนกันยายน 2567” นายวีระพงศ์กล่าว
สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลาง (M) ภาคการผลิตรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท/ปี ภาคอื่นๆ รายได้ไม่เกิน 300 ล้านบาท/ปี จะได้รับการอุดหนุนร่วมจ่าย 50% หรือไม่เกิน 200,000 บาท ผู้ประกอบการขนาดย่อม (S) ภาคการผลิตรายได้ไม่เกิน 100 ล้านบาท/ปี และภาคอื่นๆ รายได้ไม่เกิน 50 ล้านบาท/ปี จะได้รับการอุดหนุนร่วมจ่าย 80% หรือไม่เกิน 200,000 บาท ผู้ประกอบการ (Micro SME) รายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี ได้รับการอุดหนุนร่วมจ่าย 80%ไม่เกิน 50,000 บาท
นายวีระพงศ์กล่าวว่า ปัจจุบัน สสว. ได้มีการปรับปรุงระบบเพื่อลดขั้นตอนการใช้บริการ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ ลดทอนระยะเวลาการดำเนินงานอนุมัติได้รวดเร็วขึ้น ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลจากฐานข้อมูล SME One ID ของหน่วยงานรัฐเช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากรฯลฯ ทำให้สามารถจัดกลุ่มผู้ประกอบการได้รวดเร็วขึ้น ลดปริมาณเอกสารแนบที่ใช้ในการสมัครให้น้อยลง
ขณะที่ แพลตฟอร์มดำเนินงาน ได้มีการจัดทำหมวดหมู่และเมนูลัด เพื่อให้ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก เช่น กลุ่มอาหาร กลุ่มสิ่งทอ กลุ่มภาคการค้าและบริการ สามารถเข้าถึงได้ง่าย และเลือกบริการบนระบบได้รวดเร็ว มีการเชื่อมกับระบบ Train the coach เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกขอรับคำปรึกษา แนะนำในการพัฒนาธุรกิจ หรือการเลือกใช้บริการที่เหมาะสมกับธุรกิจของตน จากที่ปรึกษาเฉพาะด้านได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี