เปิดวิสัยทัศน์“ณัฐพล”ประธานบอร์ดคุมบังเหียน NT พลิกธุรกิจสร้างรายได้ หลังเสือนอนกินสิ้นสุดสัญญาปี’68 เตรียมปลุกผี“โทรบ้าน” พร้อมภารกิจ 4 เรือธง หนุนองค์กรให้อยู่รอด
นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผย หนังสือพิมพ์แนวหน้า ว่า แผนพลิกฟื้นธุรกิจ NT ภายหลังปี 2568 ที่จะสิ้นอายุสัญญาในเดือนสิงหาคมจากรายได้คลื่นความถี่ร่วมกับพันธมิตร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS และ ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ True ในการเช่าใช้คลื่น 850 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) 2100 MHz และ 2300 MHz จะมีรายได้ลดลงกว่า 40,000 ล้านบาท โดยมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง รวมถึงผลกระทบจากการควบรวมระหว่าง ทรู และดีแทค ที่ทำให้การใช้งานคลื่น NT ลดลง ประเด็นนี้เป็นโจทย์ใหญ่ที่ทำให้ภารกิจ ของตน ในฐานะประธานบอร์ด NT ที่ต้องหารายได้มาทดแทนอย่างเร่งด่วน
เรียกความเชื่อมั่นระบบ 4G 5G
การให้บริการระบบ 4G และ 5G คลื่น 700 ซึ่งจะเกิดผลในปีนี้ อยู่ระหว่างที่ร่วมทำกับพันธมิตร “AIS” ที่มาแบ่งคลื่นไปจำนวน 5 MHz ทำสัญญาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งจะเกิดผลในปีนี้ ปีนี้ได้โอนลูกค้าเก่า ที่เดิมใช้ ระบบ 3G ที่มีอยู่ แบรนด์ my ย้ายเข้าไปอยู่ในระบบ 4G 5G ให้เอไอเอส เป็นผู้ร่วมลงทุน ระบบโครงข่าย ด้วยการย้ายลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเข้าไปในระบบ 4G และ 5G อย่างไรก็ดี NT พยายามรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ ราว 2 ล้านเลขหมาย และเน้นกลุ่มลูกค้าที่มี ความต้องการใช้บริการจำนวนไม่มาก กลุ่ม โลว์อาปู ( low ARPU) ขยายฐานกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น เป็นส่วนที่จะทำให้ NT ทดแทนรายได้ที่จะหายไป ปัจจุบัน รายได้ต่อเลขหมาย (ARPU) ราว 150-170 บาท ต่อเลขหมาย คิดเป็นรายได้ 300 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 3,600 ล้านบาทต่อปี ซึ่งหากมีการเพิ่มจำนวนอาปู เพิ่มขึ้นได้ NT จะสามารถที่จะทำรายได้เพิ่มขึ้น
กลุ่มโทรศัทพ์เคลื่อนที่ มีรายได้จากพันธมิตร 44,000 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการดำเนินธุรกิจโมบายของ NT อยู่ที่ 3,000 กว่าบาท
“ตรงนี้จำเป็นต้องหามาทดแทนทั้ง 40,000 ล้านบาท หรือไม่ โดยปัจจุบัน NT มีกำไร 10,000 ล้านบาท ถ้าเราไปหาอะไรที่มีกำไรมากขึ้น ก็อาจจะช่วยสถานการณ์ตรงนี้ คลี่คลายได้ ส่วนแรกคือ การเพิ่มอาปูจาก 150 เพิ่ม โอเปอเรเตอร์มีรายได้อาปูถึง 500 บาทต่อเลขหมาย ถ้าเราเพิ่มขึ้นมาอีกราว 300 บาทต่อเลขหมาย ก็จะทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้น ราว 3,000 กว่าล้านบาท”
“เราพยายามบอกว่า วันนี้ไม่ใช่ 4G 5G ของ NT อย่างเดียวนะ วันนี้เหมือนกับว่า เราเอง ไปใช้คลื่นร่วมกับ เอไอเอส ด้วย ดังนั้น สัญญาณการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ NT ค่อนข้างมีความเสถียรมาก ในพื้นที่ไหนที่ไม่มีสัญญาณ ระบบจะถูกโรมมิ่ง เชื่อมต่อไปยังโครงข่าย ในระบบ 5G ของ เอไอเอส ใช้ได้แต่ใน กทม. และอยู่ระหว่างการขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ”
ระบบ 5G เน้นกลุ่มเป้าหมายภาครัฐ 1 ในโครงการที่ NT ดำเนินการ โครงการสมาร์ทมิเตอร์ ไฟฟ้า น้ำประปา เป็นต้น ที่สามารถจะเข้าไปให้บริการระบบสื่อสาร เพื่อได้รับข้อมูลเรียลไทม์ เพื่อขายระบบสื่อสาร และซิมการ์ด ที่เชื่อมต่อกัน หรือที่เรียกว่า สมาร์ทกริด (Smart Grid) ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ
ลุยคลื่น 26 GHz
ส่วนคลื่นความถี่ย่าน 26 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) NT ค่อนข้างระมัดระวังในการลงทุนมาก ถ้ากลุ่มลูกค้าไม่ชัดเจน เราไม่อยากที่จะลงทุนจำนวนมากในทีเดียว
“ถามว่า วันนี้ ก็เหมือน ไก่ กับไข่ ถ้าเราไม่ลงทุน แล้วเราจะเอาอะไรไปขายลูกค้า วันนี้ คนอยากเห็น ทำอย่างไร เหมือนเดินบรอดแบนด์ โดยที่ไม่มีสาย อาทิ ในโรงงานใหม่ ที่เค้าไม่ต้องการที่จะเดินสายไฟเบอร์ ในโรงงาน ตัว 26 GHz เทคโนโลยี มีแล้ว แต่อุปกรณ์ที่จะรองรับ IOT จากตัวเครื่องจักร และห้องควบคุม ซึ่งยังไม่มีอุปกรณ์รองรับ แต่ตอนนี้เริ่มมีแล้ว”
ภาคอุตสาหกรรม มองเป็นว่ามีศักยภาพ แต่ต้องเป็นโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ เป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจ ส่งข้อมูลที่มีความเร็วสูง แทนที่การเดินไฟเบอร์ ลดการลงทุน การเดินสาย ทั้งหมดเดินจากไฟเบอร์มา สามารถตั้งเสาส่งสัญญาณและยิงสัญญาณแบบไร้สายทั้งนิคมอุตสาหกรรม ก็สามารถที่จะใช้สัญญาณได้ โดย NT มีโครงการที่จะร่วมมือกับ การนิคมอุตสาหกรรม 15-20 แห่ง ทำสัญญาร่วมกันภายในเดือน มี.ค.นี้ โดยเป็นสัญญาที่การนิคม ให้สิทธิ NT การให้บริการระบบสื่อสาร ทั้งในเรื่องของ สื่อสายใต้ดิน บรอดแบนด์ เป็นช่องทางหนึ่งที่เราจะหารายได้
“ยังมีความสนใจ ที่ยังมีลูกค้าอื่นอีกหรือไม่ ที่มีศักยภาพในการใช้งาน เนื่องจากคลื่น 26 GHz เอง เหมาะกับการให้บริการพื้นที่ในวงจำกัด อาทิ ศูนย์แสดงสินค้า
ประโยชน์ของระบบ 5G บนคลื่น 26 GHz มีหลายยูสเคสมาก แต่มองว่ายูสเคสที่ขายได้ดีกว่ามีอะไรบ้าง อันนี้คือสิ่งที่เราอยากจะเห็น ตอนนี้ให้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไปทบทวนแผนใหม่ เดิมที่จะลงทุน 700 ล้านบาท ต้องคิดว่ามีตลาดจริงๆ สิ่งที่เราอยากจะเห็น”...
ปลุกผี กลุ่มธุรกิจ โทรฯบ้าน เชื่อมต่อมือถือ
กลุ่มธุรกิจสื่อสารไร้สาย (Fixed Line Broadband) มีรายได้ปีก่อนที่ 17,000 ล้านบาท ตอนนี้ส่ิงที่ NT จะทำ คือการเมิรซรวมกันระหว่าง Fixed Line Broadband และ โมบาย วันนี้เบอร์บ้าน ไปลิงค์เข้ากับเบอร์มือถือ วันนี้โทรเข้าบ้าน ไม่อยู่บ้าน จะเข้าเบอร์เมือถือทันที ข้อดี คือ เบอร์บ้านจะทำให้รู้ตัวตนที่ชัดเจน เพราะการมีโทรศัพท์ประจำที่ (ฟิกไลน์) มีหลักแหล่งที่ชัดเจน จะช่วยลดปัญหา แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ต่อไประบบจะพัฒนา เพื่อเชื่อมต่อ 2 ระบบเข้าด้วยกัน ไปร่วมกับโอเปอเรเตอร์รายอื่น เพราะ NT มีโครงข่ายฟิกส์ไลน์ที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ ให้ขายได้แพงขึ้นกว่า เดิม จ่าย 107 บาท ไม่อยากเสียเลขหมาย ฟิกส์ไลน์ ต้องขายให้ได้ราคาที่สูงกว่านี้ โดยจะต้องไปสร้างมูลค่าให้กับฟิกไลน์ ปัจจุบัน ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ ไอซี (Interconnection Charges) ถูกลงมาก จะต้องมีการจัดทำ โปรโมชั่นแพคเกจ เช่น โทรบ้านเข้ามือถือ 100 นาที ไม่จำกัด เป็นต้น จะทำให้ NT มีรายได้เพิ่มขึ้น จากจำนวนเลขหมายปัจจุบัน 1.7 ล้านเลขหมาย
ธุรกิจดิจิทัล มีรายได้อยู่ 3,800 ล้านบาท หลักๆ จะมาจากโครงการที่รัฐให้มา มีแนวโน้มที่จะเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าวันนี้รัฐบาลมอบหมายให้ NT เป็นหน่วยงานกลางในการดูแลเรื่องคลาวด์ จะทำให้ NT มีรายได้เพิ่มขึ้น ตามนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First Policy)
“มีหลายรูปแบบ อาทิ เอกชนเข้ามาดีลโดยตรงกับหน่วยงานรัฐ ,หรือมีหน่วยงานรัฐเป็นหน่วยงานกลางระบบคลาวด์ เพื่อดูในเรื่องระบบป้องกันความปลอดภัย ตรวจสอบเรื่องราคา ป้องกันการแฮคข้อมูล ถ้าเกิด NT ได้รับโอกาสนี้ จะทำให้เรามีรายได้เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ 5%”
ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน จำพวก เสา ท่อ ปัจจุบัน มีรายได้ ประมาณ 11% ราว 8,900 ล้านบาท ส่วนบริการเคเบิ้ลใต้น้า หรือ (Submarine communication cable) ที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อระบบสื่อสารและอินเทอร์เน็ตในทวีปเอเชีย รวมถึงติดต่อสื่อสารไปยังสหรัฐฯ ยุโรป และทวีปแอฟริกาผ่านเคเบิบใต้น้ำ ได้รับการสนับสนุนงบประประมาณภายใต้ โครงการอาเซียนดิจิทัลฮับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) สนับสนุนงบประมาณมายัง NT จากเดิม 5,000 ล้านบาท โดย NT ขอขยายงบเพิ่มเติมอีกราว 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากไม่ต้องลงทุนเอง ก็ไปปรับลดราคาให้แก่ลูกค้า ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการสื่อสารไปยัง ทั่วโลก
อีกธุรกิจที่ NT จะต้องมาทำอย่างจริงจังสินทรัพย์ที่มีอยู่กว่า 2,400 ไร่ มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท การหารายได้จากธุรกิจนี้ NT จะไม่ดำเนินการเอง แต่จะมีการตั้งบริษัท เพื่อมาบริหารจัดการทรัพย์สิน อาคารโทรศัพท์หรือชุมสายบางแห่ง โดย ซีอีโอ NT ได้เสนอโมเดลจะให้มีการบริหารจัดการทรัพย์สินรูปแบบไหน ขณะที่ธุรกิจดาวเทียม ที่เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ NT มีรายได้700 ล้านบาทปีที่แล้ว คาดปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น หลักพันล้านบาท
ปรับโครงสร้าง NT 2.0
เตรียมปรับโครงสร้างให้เสร็จ เป็น NT 2.0โดยเร็ว ตอนนี้แนวทางจะลดตัวสายงานที่มีอยู่ลดลง ปัจจุบันมีจำนวน 16 สายงาน ลดลงเหลือ 8-9 สายงาน มีจำนวนพนักงานทั้งสิ้น 12,000 คน ที่สำคัญ วันนี้ควรจะเป็นการทำเป็นโปรเจกต์เบส ถ้าคิดจะลงทุนโครงการนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจ ต้องทำให้กลุ่มบียู ที่จะลงทุน มารับผิดชอบเรื่องการขายด้วย ส่วนการเกษียรก่อนกำหนด (เออร์ลี่รีไทร์) ปีนี้มีราว 800 คน
4 เรือธง ปี 2567
ปีนี้ NT คงมุ่งเน้น 1.โครงการที่ทำกับภาครัฐทั้งหลาย เดือนที่ผ่านมาสำเร็จแล้ว คือ โครงการการให้บริการระบบโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงกับหน่วยงานราชการภายใต้ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ทั้งตึก A B C ได้เซ็นสัญญาร่วมกับธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจะทำให้มีรายได้เข้ามา งบลงทุน 700 ล้านบาท
โครงการที่ 2 ที่ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรม จำนวน 15-20 แห่ง ทำสัญญาร่วมกันภายในเดือน มี.ค.นี้ โดยเป็นสัญญาที่การนิคม ให้สิทธิ NT การให้บริการระบบสื่อสาร ทั้งในเรื่องของ สื่อสายใต้ดิน บรอดแบนด์ จะสร้างรายได้ให้กับ NT เป็นรูปธรรม โดยใช้งบลงทุน 800 ล้านบาท เพื่อลงทุนท่อร้อยสาย
3.โครงการสมาร์ทมิเตอร์ ไฟฟ้า น้ำประปา ขอสิทธิที่จะให้เป็นผู้บริการเรื่องของระบบสื่อสาร สามารถสร้างรายได้ ภายในเดือน มี.ค. ต้องทำให้เสร็จ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนมิเตอร์ในภูมิภาค 8 ล้านมิเตอร์
4. ระบบคลาวด์ เป็นหน่วยงานกลางในการดูแลเรื่องคลาวด์ จะทำให้ NT มีรายได้เพิ่มขึ้น ตามนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First Policy)
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี