นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ กล่าวว่าจากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในไตรมาสสาม ปี 2566 หนี้สินครัวเรือนมีมูลค่ารวม 16.20 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.3% ชะลอตัวลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในของประเทศ (GDP) อยู่ที่ 90.9% ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า
ครัวเรือนชะลอการก่อหนี้เกือบทุกประเภทสินเชื่อยกเว้นสินเชื่อส่วนบุคคล โดยในไตรมาสสามปี 2566 สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นหนี้ที่มีสัดส่วนสูงสุดของหนี้สินครัวเรือน ขยายตัว 4.6% ชะลอลงจาก 4.9% ในไตรมาสก่อน สินเชื่อเพื่อยานยนต์ขยายตัว 0.2% ลดลงจาก 1.0% ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากสถาบันการเงินกำหนดเงื่อนไขสัญญาการกู้ยืมที่เข้มงวด ตามคุณภาพสินเชื่อที่มีแนวโน้มด้อยลง
สินเชื่อเพื่ออุปโภค-บริโภคส่วนบุคคลชะลอลงจาก 5.6% ของไตรมาสก่อนมาเป็น 5.4% จากการชะลอตัวของสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับและสินเชื่อบัตรเครดิต ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มเป็น 3.5% จาก 3.2% ของไตรมาสก่อนสะท้อนถึงความต้องการสภาพคล่องของครัวเรือนบางกลุ่ม อาทิ กลุ่มที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัว มีเหตุฉุกเฉินและจำเป็นต้องใช้เงินหรือนำไปชำระหนี้สินหรือรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิตเพราะเป็นสินเชื่อที่เข้าถึงง่าย
ไตรมาสสาม ปี 2566 หนี้สินครัวเรือนขยายตัวลดลงมีสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP อยู่ที่ 90.9% ขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนลดลง นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ คือ การติดตามการบังคับใช้หลักเกณฑ์ Responsible Lending และการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ รวมถึงการก่อหนี้ส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่ขยายตัวในระดับสูงและมีหนี้เสียเพิ่มขึ้นคุณภาพสินเชื่อด้อยลงทุกประเภทสินเชื่อ จากข้อมูลธนาคารพาณิชย์ ณ ไตรมาสสามปี 2566 พบว่ายอดคงค้างหนี้เพื่อการอุปโภค-บริโภคที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) มีมูลค่า 1.52 แสนล้านบาทขยายตัว 7.9% จาก 2.7% ในไตรมาสก่อนคิดเป็นสัดส่วนต่อสินเชื่อรวมที่ 2.79% เพิ่มขึ้นจาก 2.71% ในไตรมาสก่อน
อีกทั้งครัวเรือนบางกลุ่มยังเผชิญปัญหาการขาดสภาพคล่อง เมื่อพิจารณาตามประเภทสินเชื่อพบว่าคุณภาพสินเชื่อยังด้อยลงทุกประเภทโดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อบัตรเครดิต มีสัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวม 3.24% และ 3.34% ตามลำดับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเช่นเดียวกับสินเชื่อยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นจาก 2.05% ของไตรมาสที่ผ่านมาเป็น 2.10% หากพิจารณาหนี้ที่มีการค้างชำระ 1-3 เดือน (SMLs) พบว่าภาพรวมสัดส่วน SMLs ต่อสินเชื่อรวมทรงตัวอยู่ที่ 6.7% แต่หนี้ SMLs ของสินเชื่อยานยนต์ยังคงอยู่ในระดับสูงและเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สถานการณ์คุณภาพหนี้ยานยนต์ข้างต้นสอดคล้องกับข้อมูลสถิติการยึดรถยนต์ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในปี 2566 ที่เพิ่มเป็น 25,000-30,000 คันต่อเดือนจากปี 2565 ที่อยู่ที่ประมาณ 20,000 คันต่อเดือน
ประเด็นหนี้สินครัวเรือนที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่
1.การติดตามผลของการบังคับใช้หลักเกณฑ์ การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม(Responsible Lending) ในการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน โดย Responsible Lending ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 มีมาตรการสำคัญ คือ
1) การช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
2) ลูกหนี้เรื้อรังสามารถปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น และ
3) การคุ้มครองสิทธิลูกหนี้
2.การเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับสะท้อนให้เห็นถึงการขาดสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับสูงถึง 15.6% ขยายตัวสูงตั้งแต่ไตรมาสสอง ปี 2564 โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับประเภทที่มีทะเบียนรถเป็นประกันซึ่งในไตรมาสสามปี 2566 สูงถึง 40.2% สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการขาดสภาพคล่องที่รุนแรงขึ้น เพราะเป็นสินเชื่อที่อนุมัติเร็วและง่าย แต่ดอกเบี้ยสูงและมีแนวโน้มจะเป็นทางเลือกสุดท้ายในการกู้ยืมเพื่อเติมสภาพคล่อง หนี้เสียของสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมีสัดส่วนต่อสินเชื่อรวมสูงถึง 4.0% เพิ่มจากปลายปี 2564 ที่มีสัดส่วนเพียง 2.4%
3.การติดตามการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของกระทรวงมหาดไทยกว่า 1.43 แสนราย คิดเป็นมูลหนี้รวม 10,261 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567) ซึ่งต้องติดตามความสามารถในการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบ หรือเปลี่ยนหนี้นอกระบบให้เป็นหนี้ในระบบ ซึ่งอาจต้องผ่อนปรนเงื่อนไขการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ที่เกี่ยวข้องเพื่อลดอุปสรรคการให้กู้ยืมรวมทั้งติดตามความสามารถในการชำระหนี้ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้ไม่แน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี