นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) กล่าวว่ากกพ.เปิดรับฟัง ความเห็นค่าไฟฟ้าผันแปรงวด เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม2567 ตั้งแต่ วันที่ 8-22 มีนาคม โดยแบ่งออกเป็น 3 กรณี คือ กรณีแรก จ่ายคืนหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) คงค้างทั้งหมดในงวดเดียว 99,689 ล้านบาท จะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเมื่อรวมค่าไฟฐานเรียกเก็บที่ 5.43 บาทต่อหน่วย กรณีที่ 2คืนหนี้กฟผ.เป็นเวลา 4 งวด จะทำให้ค่าไฟฟ้า อยู่ที่ 4.34 บาทต่อหน่วย และกรณีที่ 3 แบ่งคืนหนี้ กฟผ. 7 งวด จะทำให้ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย
ขณะนี้ ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) ในตลาดโลกเริ่มลดลง เนื่องจากผู้ซื้อรายใหญ่ อาทิ จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ มีปริมาณสำรองแอลเอ็นจีเพียงพอ ทำให้ตลาดโลกและเอเชียลดลงต่อเนื่อง ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในรอบ 2 ของปีต่ำกว่ารอบแรก จึงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการคืนภาระหนี้คงค้างกับกฟผ.เพื่อเสริมสภาพคล่องและรักษาความมั่นคงพลังงานในระยะยาว แต่หากราคาพลังงานในตลาดโลกทั้งราคาก๊าซฯ และปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยไม่นิ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่นำมาคำนวณต้นทุนค่าไฟฟ้า คงเป็นไปได้ยากที่จะเห็นค่าไฟฟ้าเหลือ3 บาทต่อหน่วย
“หากมองระยะยาวใกล้ถึงช่วงเวลาที่ไทยต้องปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าฐานในรอบ 4 ปี จากเดิมที่เรียกเก็บ 3.78 บาทต่อหน่วย โดยมีโอกาสปรับขึ้นราว 4 บาทต่อหน่วย เพื่อสะท้อนต้นทุนพลังงาน โดยแนวทางการปรับค่าไฟฟ้าฐานของไทยจะปรับทุก 4 ปี นอกจากดูต้นทุนพลังงาน กกพ.จะพิจารณาจากการลงทุนของ 3 การไฟฟ้าฯ ที่มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้สะท้อนต้นทุน แต่การปรับค่าไฟฟ้าฐานจะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่จะต้องหามาตรการช่วยเหลือประชาชนอย่างไร” นายคมกฤชกล่าว
นายคมกฤช กล่าวว่า กกพ.ขอเตือนประชาชนผู้ใช้ไฟในช่วงหน้าร้อนประหยัดไฟ แม้ต้นทุนไฟฟ้าจะลดลง แต่หากใช้ไฟฟ้าปริมาณมากจะยิ่งดันให้ค่าไฟฟ้าต่อเดือนสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่คาดว่าจะร้อนจัด จะทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นด้วย ขณะที่ต้นทุนพลังงานผันผวน ทั้งนี้หากไม่มีการประหยัดไฟฟ้าอาจทำให้ กกพ.จัดประชุมด่วนเพื่อพิจารณานำเข้าแอลเอ็นจีเพิ่มขึ้นด้วย รวมถึงการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ซึ่งกระทรวงพลังงาน จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะหาแหล่งเงินใดที่จะเข้ามาช่วยเหลือค่าไฟฟ้าให้กลุ่มเปราะบางในช่วงหน้าร้อน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาครองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมาได้มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ของปี 2567เมื่อเวลา 19.47 น. ที่ 32,704 เมกะวัตต์ซึ่งถือว่าค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับปีที่แล้วเนื่องจากฤดูร้อนที่เริ่มต้นเร็วกว่าปกติ และคาดว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อนจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าอุณหภูมิเฉลี่ยอาจจะสูงถึง 45 องศาเซลเซียส จะทำให้มีการใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามพีกปีนี้ยังไม่ทำลายสถิติปีที่ผ่านมาซึ่งเกิดขึ้นวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 เวลา 21.41 น. ที่ 34,826 เมกะวัตต์
“ผมได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ตรวจสอบและดูแลระบบการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งานทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ต้องไม่มีเหตุการณ์ไฟฟ้าดับเกิดขึ้น” นายพีระพันธุ์กล่าว
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ปีนี้คาดว่าอุณหภูมิจะร้อนมากกว่าปีที่แล้ว กระทรวงพลังงานขอความร่วมมือประชาชนประหยัดพลังงาน โดยเตรียมออกนโยบาย 5 ป. ได้แก่ ปิด ปรับ ปลด เปลี่ยนปลูก ประกอบด้วย ปิด : การปิดไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งาน, ปรับ :ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 26 องศา,ปลด : ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งหลังการใช้งาน, เปลี่ยน : หากมีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ให้เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากเบอร์ 5 และ ปลูก :ปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิภายในบ้าน นอกจากนี้ขอให้ทุกบ้านล้างแอร์ เพื่อทำงานเต็มประสิทธิภาพ ลดค่าไฟได้อีกทาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี