มาทำความรู้จักกับ “GAC AION” แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่จากประเทศจีน หลังประสบความสำเร็จ สร้างสถิติกวาดยอดจองรถ EV มากถึง 4,568 คัน ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นยอดจองอันดับ 4 ของงาน และเป็นอันดับ 2 ของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า พร้อมเดินหน้าขยายการผลิต สร้างโชว์รูมและศูนย์บริการหลังการขายครบ 70 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้
โดยยอดจองดังกล่าวแสดง ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า จากค่าย GAC AION ที่พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และก้าวข้ามคำจำกัดความของรถยนต์ดั้งเดิม จนได้การยอมรับจากตลาดทั่วโลก และจากยอดจองในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 ที่ทางแบรนด์ได้เข้าร่วมงานเป็นครั้งแรก ตอกย้ำให้เห็นว่า กลยุทธ์ “ตั้งรากฐานที่ประเทศไทย” ของ GAC AION กำลังเดินหน้าตามแผนการไปได้ด้วยดี
อย่างไรก็ตาม GAC AION ได้ออกมาประกาศยอดการผลิตและยอดขายรถยนต์ ครบ 1 ล้านคันแรก ที่รวดเร็วที่สุดในโลก โดยใช้เวลาเพียง 4 ปี 8 เดือนเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขัน และศักยภาพในการเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งในแง่ของตัวผลิตภัณฑ์, การตลาด และโรงงานผลิตที่มีความพร้อม นอกจากนี้ในปี พ.ศ.2566 GAC AION ยังสามารถสร้างสถิติ ยอดขายเติบโตเร็วที่สุด โดยทำยอดขายได้มากกว่า 480,000 คัน มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 77% เมื่อเทียบเป็นรายปี และเพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง AION Thailand ยังได้มีแผนการก่อตั้งโรงงาน ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ EEC จังหวัดระยอง และยังมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนศูนย์บริการให้ครอบคลุมในทุกภูมิภาคของประเทศไทยอีกด้วย
สำหรับการก่อสร้างโรงงาน GAC AION จังหวัดระยอง จะใช้เทคโนโลยีแบบเดียวกับโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศจีน ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 2,300 ล้านบาท ซึ่งการก่อสร้างโรงงาน จะแบ่งเป็นสองเฟส โดยเฟสแรกจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2 หมื่นคัน และเฟสที่สอง จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 5 หมื่นคัน คาดการณ์ว่าโรงงานเฟสแรกจะสร้างเสร็จ ในเดือนกรกฎาคมของปี 2567 รวมถึง มีแผนสร้างศูนย์บริการให้ครบ 70 แห่ง ในสิ้นปีนี้
ในส่วนของเรื่องมาตรฐานโรงงานผลิต ในปี พ.ศ. 2561 โรงงานผลิตรถยนต์ของ GAC AION ได้รับการคัดเลือกจาก World Economic Forum และ McKinsey Consulting ให้เป็น “Lighthouse Factory” ซึ่งตามมาตรฐานการคัดเลือก จะต้องมีเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกอย่างน้อย 5 อย่าง อาทิ โรงงานรูปแบบดิจิทัลกับโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) สู่วิถีอุตสาหกรรม 4.0 สิ่งนี้เป็นตัวแทนของมาตรฐานระดับสูงสุดของโรงงานอัจฉริยะ กับโรงงานดิจิทัลทั่วโลก
โรงงานของ GAC AION ได้รับการขนานนามว่า “โรงงานที่ทันสมัยที่สุดในโลก” โดยถือเป็นโรงงานพลังงานบริสุทธิ์แห่งแรกในประเทศจีน และยังเป็นผู้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการผลิต ไม่ว่าจะเป็น การผลิตรถยนต์ด้วยเทคโนโลยี AI, คุณภาพในการผลิตที่สูง, ระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และความอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งข้อได้เปรียบ 4 ประการของ GAC AION คือ การผลิตวัสดุเหล็กและอลูมิเนียมที่มีความยืดหยุ่น การวางแผนการผลิตแบบดิจิทัล การกำหนดค่าแบบโต้ตอบ และการใช้พลังงานอย่างครบวงจร จนก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก
ในด้านแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโรงงานของ GAC AION ได้สร้าง “Dark Factory” ซึ่งเป็นโรงงานที่ใช้พลังงานน้อย และจัดสรรกระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีการนำเทคโนโลยีกว่า 100,000 แบบ รวมถึง เทคโนโลยีการผสมสีรถยนต์ถึง 25 รูปแบบ นำมาประยุกต์ใช้ในโรงงาน โดยสายผลิตแบบอัตโนมัติ สามารถผลิตรถยนต์ 1 คันได้ทุกๆ 53 วินาที ทำให้บรรลุเป้าหมายในด้านการวิจัย-การผลิต-การจัดส่ง และการขาย เพื่อการจัดสรรทรัพยากรที่คุ้มค่าที่สุด และเกิดการบกพร่องให้น้อยที่สุด เรียกได้ว่าเป็นโรงงานปลอดคาร์บอน ที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนจนเหลือศูนย์ได้ ทั้งนี้ กล่าวได้ว่า กลยุทธ์ “ตั้งรากฐานที่ประเทศไทย” ของ GAC AION จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคตของประเทศไทยอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ GAC AION ยังมีแผนเข้าลงทุนในประเทศต่างๆ เช่น พม่า ลาว มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และ สิงคโปร์ ซึ่งแผนงานและกลยุทธ์เหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ในการขยายการผลิตในประเทศไทย และในตลาดทั่วโลก
สำหรับงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 ที่ผ่านมา GAC AION สามารถกวาดยอดจองได้มากถึง 4,568 คัน ซึ่งเป็นการเข้าร่วมงานครั้งแรก และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าโดยมียอดจองอันดับ 4 ของงาน และเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า โดยภายในงานได้มีการเปิดตัว AION Y Plus 490 Premium รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้อัปเกรดอุปกรณ์ และเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ 24 รายการ พร้อมประกาศราคาขาย อยู่ที่ 995,900 บาท
AION Y Plus 490 Premium โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัย ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมด้วยออปชั่นและฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ ระบบไฟสูงอัจฉริยะ ประตูฝาท้ายระบบไฟฟ้า ฟังก์ชั่นจ่ายไฟ V2L และล้อขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ฟีเจอร์ภายใน มีการเพิ่มระบบระบายอากาศเบาะที่นั่งคนขับ เบาะผู้โดยสารตอนหน้าสามารถปรับได้ 4 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร 32 สี สามารถปรับได้ตามจังหวะเสียงเพลง เบาะนั่งด้านหลังมีการติดตั้งพนักพิงศีรษะและที่วางแขนตรงกลาง รวมถึงยังมีการอัปเกรดระบบการขับขี่อัจฉริยะ และระบบความบันเทิง เพิ่มขึ้น 12 รายการ ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะระดับ Level 2+ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่
ในด้านสมรรถนะการขับขี่ และฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ หลังจากที่ได้ร่วมทริปทดสอบ AION Y Plus 490 Premium โดยใช้เส้นทางกรุงเทพฯ - เขาใหญ่ ตลอดจนการเข้าชมสถานที่สำคัญต่างๆ รวมระยะทางตลอดทริปกว่า 400 กม. ซึ่งในการใช้งานจริง AION Y Plus 490 Premium สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ดีมาก ฟังก์ชั่นช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆใช้งานง่ายและสะดวก ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ ACC with Stop & Go และระบบ ICA ที่ช่วยให้การขับขี่ในความเร็วสูง ทั้งทางตรงและทางโค้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง ฟังก์ชั่นช่วยขับขี่ในสภาพจราจรติดขัด TJA (Traffic Jam Assist) ที่จะช่วยควบคุมเบรกและคันเร่งโดยอัตโนมัติในสภาพการจราจรติดขัด ขณะที่ฟีเจอร์ความปลอดภัยก็มีให้ครบครัน อาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้าและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (FCW, AEB) ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลยและประคองรถให้อยู่ในเลย (LDW, LKA) ซึ่งทำหน้าที่แจ้งเตือนการขับขี่ และช่วยเหลือผู้ขับในสภาวะที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
อีกหนึ่งจุดเด่นของ AION Y Plus 490 Premium ก็คือ มันถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าที่มีชื่อว่า AEP หรือ AION Electric Platform ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่โดดเด่นเช่น การกระจายน้ำหนักหน้า-หลังในอัตราส่วน 50:50 อีกทั้งตำแหน่งการวางแบตเตอรี่ไว้ที่จุดศูนย์กลางของตัวรถ ทำให้มีความปลอดภัยที่มากกว่า ส่งผลให้ตัวรถมีสมรรถนะและให้ฟิลลิ่งการขับขี่ที่ดีเยี่ยม โดยมีระยะฐานล้อ 2,750 มม. พื้นที่วางขาด้านหลัง 1,022 มม. เรียกได้ว่ากว้างขวาง และสะดวกสบายกว่ารถยนต์ในเซกเม้นท์เดียวกันอย่างเห็นได้ชัด สามารถรองรับผู้โดยสารที่มีสรีระสูงใหญ่ในระดับ 180 ซม.ได้อย่างสบายมาก นอกจากนี้ เบาะนั่งคู่หน้ายังสามารถพับราบเชื่อมต่อกับเบาะนั่งด้านหลัง กลายเป็นเตียงขนาดใหญ่ 1.8 เมตร และเบาะโดยสารด้านหลัง สามารถพับลงเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมากถึง 1,200 ลิตร อีกทั้งประตูรถ ยังมีมุมเปิดกว้างได้เกือบ 90 องศา ช่วยทำให้การเข้า-ออกรถมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
อีกไฮไลท์ที่น่าสนใจก็คือ ระบบกุญแจอัจฉริยะ โดยทันทีที่ผู้ขับเดินเข้าไปใกล้ตัวรถพร้อมกุญแจ มือจับประตูจะเปิดต้อนรับ เป็นเทคโนโลยีเหมือนกับรถหรูระดับพรีเมียมกันเลยทีเดียว และเมื่อเข้าไปนั่งในตำแหน่งผู้ขับ เพียงแค่เหยียบเบรก ระบบจะสตาร์ทรถพร้อมทำงานทันที จากนั้นผู้ขับแค่เลื่อนเกียร์ไปยังตำแหน่ง D หรือ R ก็พร้อมออกตัวทันที สะดวกสบายมาก
และเมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่พัก ณ โรงแรม Rancho Charnvee เขาใหญ่ ได้มีการตรวจเช็กอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า โดยเฉลี่ยแล้ว ปริมาณไฟฟ้าจะถูกใช้ไปแค่ 65- 70% เท่านั้น ยังเหลือไฟฟ้าที่สามารถขับได้อีกกว่า 100 กม. เรียกว่าชาร์จไฟเต็ม ขับไปเที่ยวเขาใหญ่ได้สบายมาก และต้องบอกว่าในการขับทดสอบนั้นมีการทำลองอัตราเร่งบ่อยครั้งและใช้ความเร็วค่อนข้างสูง หากเป็นผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้ขับรถเร็วมากนักจะมีอัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าที่ต่ำกว่านี้
สำหรับแบตเตอรี่ของ AION Y Plus 490 Premium จะมีขนาดอยู่ที่ 63.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ตามสเปกระบุไว้ว่าสามารถขับได้ระยะทาง 490 กม. (มาตรฐาน NEDC) ซึ่งแบตเตอรี่ของ GAC AION มาพร้อมเทคโนโลยี Magazine Battery ที่มีความปลอดภัยมากที่สุด และเป็นแบรนด์เดียวในประเทศจีน ที่ไม่มีปัญหาไฟลุกไหม้แบตเตอรี่แม้แต่ครั้งเดียว รวมถึงในประเทศไทย ก็ยังไม่เคยพบปัญหาไฟลุกไหม้ชุดแบตเตอรี่ในรถ GAC AION
นอกจากนี้ AION Y Plus 490 Premium ยังมาพร้อมกับระบบแสดงภาพพาโนรามา ความละเอียดระดับ HD 540 องศา ระบบสั่งการด้วยเสียง รองรับทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ อีกทั้ง ยังมีระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย ระบบนำทางและฟังก์ชั่นฟังเพลง แบบออนไลน์ ระบบควบคุมรถระยะไกลผ่าน Application รวมถึง มีโหมดการขับขี่ให้เลือก ตามไลฟ์สไตล์ ได้แก่ Eco , Normal , Sport และโหมด i-pedal โดยตามเสปกแจ้งไว้จะช่วยเพิ่มระยะการขับขี่สูงสุด 23%
สำหรับราคาจำหน่าย AION Y Plus 490 Premium อยู่ที่ 995,900 บาท เรียกได้ว่าเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้า 100% ที่คุ้มค่ากับเทคโนโลยีที่มีให้ มาพร้อมฟังก์ชั่นอัจฉริยะและความปลอดภัยที่เหนือระดับ อีกทั้งยังมีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางที่สุดในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าระดับเดียวกัน มอบความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง หากสนใจเราขอแนะนำให้คุณไปทดลองขับก่อนตัดสินใจ!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี