‘ดีอี-กัมพูชา’ร่วมลงนาม MOU แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์
24 มีนาคม 2567 ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่ากระทรวงฯได้ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน จัดตั้งคณะทำงาน ASEAN Working Group on Anti – Online Scams เพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีการประชุมกันครั้งที่ 1 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา
อย่างไรก็ตามการประชุมคณะทำงาน WG-AS ถือเป็นผลสำเร็จของประเทศไทยที่ผลักดันให้มีการจัดตั้งคณะทำงานดังกล่าวในระดับภูมิภาคอาเซียนขึ้น เพื่อเป็นเวทีความร่วมมือและประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างประเทศสมาชิก ในการต่อสู้กับภัยหลอกลวงออนไลน์ที่เกิดขึ้นในระดับประเทศและระดับอาเซียน ซึ่งเพิ่มมากขึ้นทั้ง ปริมาณของการหลอกลวง (cases) และมูลค่าความเสียหาย
ขณะเดียวกันในระหว่างการประชุม WG – AS มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งปัจจุบันการหลอกลวงออนไลน์ในอาเซียนมีหลากหลายช่องทาง อาทิ SMS โทรศัพท์ และผ่านสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนกฎหมาย กฎระเบียบ แนวทางการจัดการปัญหา การตอบโต้มิจฉาชีพในรูปแบบต่าง ๆ ของประเทศสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมจำนวนซิม หมายเลขโทรศัพท์มือถือ การลบหรือปิดกั้น URL การเจรจากับผู้ประกอบการสื่อสังคมออนไลน์ การปราบปรามและจับกุม การให้ความรู้และแจ้งเตือนประชาชน เป็นต้น
ทั้งนี้ พบว่า ยังมีช่องว่างหรือ Gaps จากการดำเนินมาตรการของแต่ละประเทศ และยังไม่มีแนวทางที่ผู้เสียหายจะได้รับเงินคืน เป็นต้น ดังนั้นที่ประชุมได้มีการตกลงให้มีแลกเปลี่ยนและรวบรวมข้อมูลระหว่างกัน อาทิ สถานะ นโยบาย การกำกับดูแล กฎระเบียบ มาตรการต่าง ๆ ของแต่ละประเทศ เพื่อยกระดับไปสู่มาตรการและนโยบายการป้องกันและปราบปราบการหลอกลวงออนไลน์ในระดับอาเซียน เช่น การปิดกั้นเว็บไซต์ในอาเซียน การกำหนดกลไกประสานงานโดยแต่งตั้งผู้ประสานงานหลักของแต่ละประเทศ เพื่อติดต่อและประสานความร่วมมือได้อย่างทันท่วงทีและแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยเฉพาะภัยหลอกลวงออนไลน์ที่เกิดขึ้น รวมทั้ง การพิจารณาแผนการทำงานของคณะทำงานต่อไป
อย่างไรก็ตามจะมีการประชุมหารือทางไกล เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น อาทิ แนวทางการจัดทำกลไกแลกเปลี่ยนข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ระหว่างอาเซียน การจัดประชุม/สัมมนา การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญ องค์กรระหว่างประเทศ และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ เป็นต้น
นอกจากนี้กระทรวงดีอี ได้มีการร่วมหารือทวิภาคี กับ H.E. Chenda Thong ประธานหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (Telecommunication Regulator of Cambodia หรือ TRC) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยเป็นการยกระดับการดำเนินการเพื่อปราบปรามแก๊ง Call Center และ Online Scam ซึ่งเป็นปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการยกระดับความร่วมมือและการดำเนินงานของอาเซียนในการจัดการและรับมือกับปัญหาการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์
จากการประชุมหารือทวิภาคี ไทยได้แลกเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินงานร่วมกับกัมพูชา ซึ่งพบว่าหลายเรื่องมีแนวทางดำเนินการคล้ายกัน แต่มีข้อสังเกตว่ากัมพูชามีแนวทางในการปิดกั้น URL ที่เข้าข่ายหลอกลวง และการส่งข้อมูลให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมและ ISP ดำเนินการปิดกั้นที่มีประสิทธิภาพ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม
ทั้งนี้ กัมพูชาพร้อมจะให้ความร่วมมือกับไทยเกี่ยวกับปัญหาที่คนไทยข้ามแดนไปทำงาน เป็นแก๊ง Call Center ปัญหาบัญชีม้า และในกรณีที่มีการจับและส่งตัวกลับหรือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีชั้นความลับ หรืออาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เห็นควรให้มีการประสานงานกับสถานทูตไทยในกัมพูชาอย่างใกล้ชิด และเพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันให้มีแพลตฟอร์มในการติดต่อระหว่างกัน
“ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันในการขยายกรอบความร่วมมือเดิม โดยจัดทำความร่วมมือ (Memorandum of Understanding: MOU) ฉบับใหม่ เพื่อขยายขอบเขตของความร่วมมือ ที่จะทำให้ทั้งไทยและกัมพูชาสามารถทำหลาย ๆ เรื่องในการป้องกันภัยจากเทคโนโลยีได้เพิ่มมากขึ้น และเห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน จากการหารือกัมพูชายินดีร่วมกันแก้ไขปัญหาสถานสัญญาณโทรคมนาคมผิดกฎหมายบริเวณชายแดน โดยสำนักงาน กสทช. จะประสานงานกับทาง TRC และในด้าน Cybersecurity กัมพูชาแสดงความยินดีที่ สกมช. จะให้การสนับสนุน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ThaiCERT และ CambodiaCERT ที่ดีระหว่างกัน” ปลัดดีอีกล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี