รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเกิดเหตุขัดข้อง อุปกรณ์รางร่วงลงมาด้านล่าง ถูกรถยนต์ได้รับความเสียหาย 12 คัน “คมนาคม” สั่งหยุดให้บริการถึงเที่ยงคืนเร่งตรวจสอบหาสาเหตุ และความมั่งคงแข็งแรง ลั่นห้ามเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ขู่พิจารณาสัญญาสัมปทาน

เมื่อเวลา 09.00น.วันที่28มีนาคม2567ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง แจ้งข้อมูลผ่านทางเพจเฟซบุ๊กว่า รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง เกิดเหตุขัดข้อง ขณะนี้ปิดให้บริการชั่วคราวทุกสถานี เจ้าหน้าที่เร่งทำการแก้ไข ผู้โดยสารโปรดพิจารณาการเดินทาง ขออภัยในความไม่สะดวกครับ

ต่อมา เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น มีเศษอุปกรณ์รางรถไฟสายสีเหลืองร่วงลง มาต้องจอดกลางทางศรีนครินทร์ ช่วงตลาดเอี่ยม ผู้โดยเต็มคัน อาจเป็นสาเหตุให้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ติดขัดทุกสาถานี

ขณะที่ เพจเฟซบุ๊ก “สถานีตำรวจนครบาลประเวศ” โพสต์ระบุว่า งานจราจร สน.ประเวศ ขอแจ้งเตือนประชาชนที่ใช้เส้นทางถนนศรีนครินทร์ขาออก ช่วงสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองห้างธัญญาพาร์คจนถึงห้างพาราไดซ์พาร์ค เนื่องจากมีเศษอุปกรณ์โลหะร่วงหล่นจากรางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองลงมาบนพื้นถนน

เพจ“ข่าวสารเมืองปราการ v2” โพสต์แจ้งว่า อุปกรณ์รางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองร่วงต้องจอดกลางทาง รับแจ้งจากผู้ใช้เส้นทาง ได้ยินเสียงมีของตกมาจากรางรถไฟฟ้าด้านบน บริเวณก่อนถึงศรีนคริน 39 มุ่งหน้าซีคอน ศรีนครินทร์เป็นระยะทางยาว

ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงเล่าว่า “ได้ยินเสียงว่ามีของตกลงมาจากด้านบนของรางและมีเสียดังตกกระจายมาบนพื้นถนนด้านล่าง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นอุปกรณ์ของรางรถไฟด้านบน”

เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าวโพสต์ว่า“ล่าสุดพบว่ามีรถยนต์เสียหาย 12 คัน จากเหตุวัสดุหล่นจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เช้านี้ และเจ้าของรถได้มาลงบันทึกประจำวันไว้แล้วที่ สน.ประเวศ”

ต่อมา นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ร่วมกับนายพงศ์กวินจึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษา รมว.คมนาคมในกรณีรางนำไฟฟ้า รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลืองร่วงหล่นระหว่างสถานีกลันตัน (YL12) – สถานีสวนหลวงร.9 (YL15) วันนี้ (28 มีนาคม 2567) ว่า ได้รับรายงานเหตุจากกรมการขนส่งทางราง (ขร.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ว่า วันนี้ เมื่อเวลา 08.30 น. ตรวจสอบพบว่า รางนำไฟฟ้า (conductor rail) ฝั่งด้านในของคานทางวิ่ง (ด้านติดกับทางเดินตรงกลาง(walkway)) ระหว่างสถานีกลันตัน (YL12) ถึงสถานีศรีอุดม (YL16) ฝั่งมุ่งหน้าสถานีสำโรง (YL23) (south bound) หล่นบนคานทางวิ่ง และมีอะไหล่ตัวยึดรางหล่นลงบนพื้น จึงจำเป็นต้องหยุดให้บริการเดินรถทั้งระบบเป็นการชั่วคราว

ทั้งนี้ ผู้รับสัมปทานฯ ได้ดำเนินการอพยพผู้โดยสารจากขบวนรถลงสู่ทางเดินกลางทางวิ่งจาก 2 ขบวนที่อยู่ตรงกลางทาง ไปที่สถานีศรีอุดม และสถานีศรีนุช โดยเริ่มอพยพ เมื่อเวลา 09:11น.และอพยพแล้วเสร็จเมื่อเวลาประมาณ09.30 น. พร้อมทั้งได้ประสานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อเตรียมรถโดยสารรับ-ส่งผู้โดยสารตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง เบื้องต้น ขสมก.ได้เตรียมจำนวนรถเพิ่มไว้ในช่วงเช้าประมาณ10-15 คัน และช่วงเย็นประมาณ 10 คัน

ต่อมาได้รับแจ้งว่ามีวัตถุหล่นลงพื้นถนน ระหว่างสถานีสวนหลวง ร.9 (YL15) – สถานีศรีอุดม (YL16) ขาล่อง (SB) ทิศทางมุ่งหน้าสถานีสำโรง (YL23) ส่งผลให้มียานพาหนะได้รับความเสียหาย 3 คัน ประกอบด้วย รถบรรทุกเล็กตู้ทึบ 1 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคล จำนวน 1 คัน และจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน ได้รับความเสียหาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยบริษัท อีสเทิร์นบางกอก โมโนเรล จำกัด (EBM) ผู้รับสัมปทานดูแลรับผิดชอบเยียวยาและค่าเสียหาย อย่างไรก็ตาม หากประชาชนท่านใดได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว สามารถไปดำเนินการแจ้งความหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถประสานรับการเยียวยาได้เต็มที่

เลขานุการ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ไปดำเนินการวิเคราะห์หาสาเหตุร่วมกับ รฟม. ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบราง และผู้รับสัมปทาน เพื่อหาแนวทางการป้องกันต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความมั่นใจต่อผู้ใช้บริการ ขร.จึงประสาน รฟม. และผู้รับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าหยุดให้บริการจนถึงเวลา 24.00 น. ในวันนี้ เพื่อตรวจสอบและแก้ไขให้มีความมั่นคงแข็งแรงต่อไป อีกทั้ง ให้ประสาน ขสมก.จัดรถให้บริการรองรับผู้โดยสารตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลืองด้วย

ทั้งนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ได้เน้นย้ำด้านความปลอดภัยสูงสุด และสั่งการว่า จะต้องไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก และยังได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องดำเนินการทุกกระบวนการอย่างละเอียดโดยหากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก จะพิจารณาถึงสัญญาสัมปทานของโครงการฯ และบทลงโทษที่ระบุไว้ เนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อประชาชน และความปลอดภัยในการเดินทาง อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมต้องขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะดำเนินการในการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยสูงสุด