‘บางกอกแอร์เวย์ส’กางแผนติดปีกศักยภาพธุรกิจการบิน หนุนเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทยพลิกฟื้น เดินหน้าเสริมทัพพันธมิตรทางธุรกิจ รับอุปสงค์การท่องเที่ยว ตั้งเป้ารายได้ผู้โดยสาร 17,800 ล้านบาท ยอดผู้โดยสาร 4.5 ล้านคน ภายในสิ้นปี 2567
29 มีนาคม 2567 นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินการของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส คาดว่าการเติบโตในปี 2567 จะเติบโต 2 ดิจิต มีรายได้ผู้โดยสาร (Passenger Revenue) 17,800 ล้านบาท มีจำนวนผู้โดยสาย 4.5 ล้านราย คาดการณ์จำนวนเที่ยวบิน 48,000 เที่ยวบิน อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (%Load Factor) เฉลี่ยเท่ากับ 85% ราคาบัตรโดยสารเฉลี่ยต่อเที่ยวบินประมาณ 3,900 บาทต่อที่นั่ง และมีแนวโน้มการสำรองที่นั่งล่วงหน้าในปี 2567 พบว่าเติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ประมาณ 14% โดยมีสัดส่วนตามกลุ่มเส้นทางได้แก่ กลุ่มเส้นทางสมุย 63% กลุ่มเส้นทางภายในประเทศ 28% กลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV 8% และเส้นทางต่างประเทศ 1%
อย่างไรก็ตามปัจจุบันบางกอกแอร์เวย์สให้บริการเที่ยวบินสู่ 20 จุดหมายปลายทาง ประกอบด้วยภายในประเทศ 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิและดอนเมือง) เกาะสมุย เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ ตราด ลำปาง แม่ฮ่องสอน สุโขทัย หาดใหญ่ อู่ตะเภา และจุดหมายปลายทางต่างประเทศ 8 แห่ง ได้แก่ มัลดีฟส์ สิงคโปร์ เสียมเรียบ พนมเปญ หลวงพระบาง ฮ่องกง เฉิงตู ฉงชิ่ง โดยเส้นทางบิน “สมุย – ฉงชิ่ง” และ “สมุย – เฉิงตู” เป็นเส้นทางบินที่กลับมาเปิดให้บริการล่าสุด ในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เฉลี่ย 2 – 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีน
ทั้งนี้ บางกอกแอร์เวย์สยังคงเดินหน้ากลยุทธ์เครือข่ายความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรสายการบินโดยปัจจุบันมีสายการบินพันธมิตร (Codeshare Partners) รวมทั้งสิ้นจำนวน 28 สายการบิน และมีสายการบินข้อตกลงร่วม (Interline Partners) กว่า 70 สายการบิน และในปีนี้ บริษัทมีแผนข้อตกลงความร่วมมือกับสายการบินเพิ่มเติมประมาณ 2 สายการบิน เพื่อส่งเสริมศักยภาพเครือข่ายเส้นทางบินบริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนเครื่องบินรวมทั้งสิ้นรวม 25 ลำในฝูงบิน
ขณะเดียวกันการลงทุนของบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์ เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA โดยปัจจุบันบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 45% ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้น เพื่อดำเนินธุรกิจการพัฒนาและบริหารสนามบินในโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่เป็นโครงการหลักสำคัญของ อีอีซี ซึ่งขณะนี้มีการดีเลย์ และทำให้บริษัท มีค่าใช้จ่ายแล้ว 4,000 ล้านบาท
“โครงการสนามบินอู่ตะเภาเราพยายามพัฒนาเตรียมตัว เตรียมการตั้งแต่เซ็นต์สัญญาคุยกับรัฐให้เปิดพื้นที่เข้าไปเตรียมพื้นที่ก่อน จะได้ช่วยประหยัดเวลา อย่างน้อยให้รัฐส่งมอบพื้นที่ให้เรา เราไม่ได้หยุดนิ่งเตรียมความพร้อมในทุกๆเรื่องเราประมูลงานนี้มาตั้ง 5 ปีที่แล้ว ส่วนเรื่องการเปิดคาซิโน เรื่องนี้ต้องใช้เวลาและเงื่อนไขอีกพอสมควรถ้ามองว่าเป็นธุรกิจ การควบคุมดูแลได้มั้ย อยู่ที่ว่าจะมีการกำกับดูแลที่ดี ใครที่มีโอกาสก็น่าสนใจ ถามว่ามีความกังวัลมั้ยหากรถไฟฟ้าความเร็วสูง 3 สนามบิน จะไม่เกิดมองว่ารัฐจะต้องหาวิธีว่าจะไปต่ออย่างไร คิดว่าอย่างไรก็ตามรัฐต้องหาวิธี รอความชัดเจน” นายพุฒิพงศ์ กล่าว
นายอนวัช ลีละวัฒน์วัฒนา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายงานการเงินและบัญชี บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินการด้านการเงินของปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้ต่อหน่วยจากการผลิตด้านผู้โดยสาร (Revenue per ASK: RASK) ที่ 5.41 บาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ 5.14 บาท จึงมีสัดส่วนกำไร เท่ากับ 0.27 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายหลักได้แก่ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าซ่อมบำรุงเครื่องบิน เงินเดือนพนักงานและผลประโยชน์ต่าง ๆ รวมถึงค่าบริการผู้โดยสารของบางกอกแอร์เวย์สที่มีการให้บริการแบบฟูลเซอร์วิส ภาพรวมผลกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทฯ ในปี 2566 เท่ากับ 4,782 ล้านบาท และ EBITDA Margin เท่ากับ 23% ทั้งนี้ บริษัทฯมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 3,108 ล้านบาท บนงบการเงินรวม โดยสำหรับด้านอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัท ในปี 2566 นี้ปรับลดลงที่ 2.4 เท่า
ขณะเดียวกันหนึ่งในโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญของบริษัทฯ สำหรับปี 2567 นี้คือการดำเนินงานของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสนามบินที่มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนเที่ยวบินที่เข้ามายังสนามบินสุวรรณภูมิ ได้แก่ บริษัท ครัวการบินกรุงเทพ จำกัด (Bangkok Air Catering: BAC) โดยจากปี 2566 มีจำนวนลูกค้าสายการบิน 23 ราย มีรายได้ในระดับ 81 % ของปี 2562 จากช่วงก่อนโควิด-19 และบริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส จำกัด (BFS Ground) มีจำนวนลูกค้าสายการบินทั้งหมด 90 ราย และมีรายได้อยู่ในระดับ 93% จากปี 2562 ในขณะที่บริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจี คาร์ไก้ จำกัด (BFS Cargo) มีลูกค้าสายการบิน รวม 86 สายการบิน
นางสาวอมรรัตน์ คงสวัสดิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขายและรักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2567 นี้บางกอกแอร์เวย์ส วางสัดส่วนของช่องทางการขาย เป็นทางเว็บไซต์ 30 % และช่องทางอื่นๆ 70 % (BSP Agent, Online Travel Agent, Call Center, Etc.) ซึ่งจะมาจากต่างประเทศ 57% โดยวางแผนขยายการขายเชิงรุกสำหรับตลาดต่างประเทศ โดยการขยาย GSA เพื่อครอบคลุมโอกาสการขายไปยังกลุ่มตลาดใหม่ อาทิ เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ในประเทศซาอุดีอาระเบีย ละตินอเมริกา และตุรกี โดยปัจจุบันมี GSA รวมทั้งสิ้น 26 สำนักงานทั่วโลก
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี