ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาและปริมาณปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช ที่ จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567 พบว่า ทั้งปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืชราคาปรับลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 และปริมาณมีเพียงพอสำหรับฤดูกาลเพาะปลูกในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรีและจังหวัดอื่นๆ ในภาคกลางที่จะเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ขอให้เกษตรกรที่ปลูกพืชสวน พืชไร่ และข้าว เบาใจได้ ไม่มีสัญญาณว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น

สำหรับราคาแม่ปุ๋ยและปุ๋ยสูตรที่เกษตรกรใช้มาก ได้แก่ ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ราคาเฉลี่ยภาคกลาง 850 บาท/กระสอบ ลดลง13% ปุ๋ยฟอสเฟต (18-46-0) ราคา 1,150 บาท/กระสอบ ลดลง 34% ปุ๋ยโพแทส(0-0-60) ราคา 950 บาท/กระสอบ ลดลง 42% ปุ๋ยสูตร 21-0-0 ราคา 530 บาท/กระสอบ ลดลง 22% ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ราคา 1,020 บาท/กระสอบ ลดลง 22% และปุ๋ยสูตร 16-20-0 ราคา 880 บาท/กระสอบ ลดลง 24%

ส่วนยาปราบศัตรูพืชที่เกษตรใช้มาก ได้แก่ ยาฆ่าหญ้าไกลโฟเซต ราคาเฉลี่ย 145 บาท/ลิตร ลดลง 29% ยาฆ่าหญ้ากลูโฟซิเนต ราคา 200 บาท/ลิตร ลดลง 27% และยาฆ่าแมลงอะบาเมกติน ราคา 160 บาท/ลิตร ลดลง29% ซึ่งราคาแตกต่างกันตามพื้นที่และยี่ห้อ

“แนวโน้มราคาปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืชในช่วงนี้ถือว่าทรงตัว และอาจปรับลดลงอีกในบางสูตรบางยี่ห้อ จากต้นทุนนำเข้าที่ลดลงจากปริมาณสต๊อกที่มีอยู่มาก ดังนั้นความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูเพาะปลูก ไม่น่าจะส่งผลต่อราคา จึงขอแจ้งเตือนร้านค้าห้ามฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาโดยไม่มีเหตุอันควร และต้องแสดงราคาให้ชัดเจนด้วย ร.ต.จักรา กล่าวว่า

ในส่วนของโครงการเชื่อมโยงปุ๋ยเคมีราคาถูก เฟส 2 กรมฯจะร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร และผู้ผลิตผู้นำเข้าปุ๋ย จัดทำโครงการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายน 2567 เบื้องต้นมีปุ๋ยเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 5 ล้านกระสอบ และคาดว่าจะมีการแจ้งเข้ามาเพิ่มเติมอีก โดยจะแถลงรายละเอียดสูตรปุ๋ยและราคาที่จำหน่ายอีกครั้ง และจากนั้นกรมฯจะเผยแพร่รายการและราคาปุ๋ยที่เข้าร่วมโครงการทางเว็บไซต์ www.dit.go.th ต่อไป ส่วนโครงการเฟสแรกที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2566-31 มีนาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่เกษตรกรยังใช้ปุ๋ยไม่มาก แต่ได้รับความสนใจและการตอบรับเป็นอย่างดี มียอดการสั่งซื้อปุ๋ยประมาณ 1.2 ล้านกระสอบ