ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-29 มีนาคม 2567 พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 6,172.82 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์(โบรกเกอร์)ขายสุทธิ 2,892.75 ล้านบาทนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 69,326.20 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ (รายย่อย) ซื้อสุทธิ 78,391.78 ล้านบาท

ทั้งนี้เฉพาะวันที่ 1-29 มีนาคม 2567 พบว่าสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,689.12 ล้านบาท โบรกเกอร์ขายสุทธิ 1,567.46ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 41,314.24 ล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ 41,192.58 ล้านบาท

ตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นไทยร่วงลงช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนจะดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค ประกอบกับน่าจะมีปัจจัยบวกจากตัวเลขส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ของไทยที่ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง และการผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อหุ้นหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ไฟแนนซ์และอสังหาริมทรัพย์

อย่างไรก็ดี หุ้นไทยร่วงลงในเวลาต่อมาตามแรงขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยมีแรงซื้อหลักๆ จากหุ้นกลุ่มพลังงานเข้ามาหนุนตามอานิสงส์จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น

ในวันที่ 29 มีนาคม 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,377.94 จุด ลดลง 0.22% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 34,835.00 ล้านบาท ลดลง 23.97% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี maiลดลง 0.86% มาปิดที่ระดับ 411.72 จุด

แนวโน้มตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (1-5 เมษายน 2567) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,370 และ 1,360 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,385 และ 1,400 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมีนาคม ของไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนมีนาคมรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์