ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (บอร์ดกสทช.) มีการรับทราบรายงานการเงินของสำนักงานกสทช.ปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2566 โดยพบว่ารายได้ปี 2566 ลดลงจากปี 2565 จำนวน 238.97 ล้านบาทคิดเป็น 2.76% โดยมีรายได้อยู่ที่ 8,407.39 ล้านบาท ส่วนรายได้ปี 2565อยู่ที่ 8,646.36 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานปี 2566 เพิ่มขึ้น 310.79 ล้านบาท คิดเป็น 5.56% โดยค่าใช้จ่ายปี 2566 อยู่ที่ 5,898.86 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายปี 2565 อยู่ที่ 5,588.07 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารายได้ กสทช.ปี 2566 ลดลง แต่เมื่อดูในภาพรวมแล้ว ก็ยังมีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย โดยปี 2566 มีรายได้สูงกว่ารายจ่ายอยู่ที่ 2,508.53 ล้านบาท

ทั้งนี้ รายได้ของสำนักงาน กสทช. พบว่ามีแนวโน้มลดลง เนื่องจากไม่มีรายได้จากการประมูล เนื่องจากกสทช.มีรายได้มาจากค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ค่าธรรมเนียมเลขหมาย และค่าดำเนินงานประมูล ซึ่งหากในอนาคตรายได้ของสำนักงานกสทช. ยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของสำนักงาน กสทช. ต่อไปทำให้ กสทช. บางท่านห่วงใย

ขณะที่นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการกสทช. กล่าวว่า แม้ว่ารายได้ของสำนักงานกสทช.จะลดลง แต่รายได้ก็ยังสูงกว่า รายจ่าย ซึ่งในประเด็นเรื่องบุคลากรนั้น ขอยืนยันว่าไม่ได้สูงอย่างที่เข้าใจ และที่ผ่านมา ก็สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค่าใช้จ่ายโดยรวมด้านบุคลากรคิดเป็น 40% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่หน่วยงานหรือองค์กรรัฐอื่นๆ อยู่ที่ 42-43%

“ยืนยันว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าว สอดคล้องค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค่าใช้จ่ายโดยรวมด้านบุคลากรก็คิดเป็น 40% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปของหน่วยงานหรือองค์กรรัฐอื่นๆ อยู่ที่ 42-43%ซึ่งไม่ควรไปปรับลดเงินค่าตอบแทนของพนักงาน อาจส่งผลต่อขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ในการทำงานด้วย แต่ก็จะน้อมรับข้อสั่งการของคณะกรรมการ กสทช. เพื่อหาวิธีในการลดค่าใช้จ่ายในด้านอื่นๆ ให้ลดลงแต่ไม่ให้กระทบการดำเนินการทำงานของสำนักงาน กสทช.”