นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้กำหนดมาตรการในการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อส่งเสริมให้ลูกหนี้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของภาคอสังหาริมทรัพย์และช่วยลดความเสี่ยงด้านเครดิตของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของไทยในระยะยาว
ดังนั้น กระทรวงการคลังได้ขอให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยดำเนินการ ดังนี้
1. กำหนดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในกลุ่มสินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ (Special Mention Loan : SM) และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan : NPL) โดยเฉพาะลูกหนี้ที่เป็นผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยด้านเศรษฐกิจมากกว่าลูกหนี้กลุ่มอื่นๆ เช่น การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ การตรึงหรือลดอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ดังกล่าวให้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ รวมถึงลดโอกาสที่ลูกหนี้กลุ่มสินเชื่อ SM จะกลายเป็นลูกหนี้ NPL ในอนาคต
2. จัดทำระบบแจ้งเตือนลูกหนี้ที่กำลังจะครบกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed rate) เพื่อให้ลูกหนี้สามารถเจรจาขอปรับอัตราดอกเบี้ยใหม่กับธนาคารได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดภาระดอกเบี้ยของลูกหนี้ให้ลดลงได้
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่ากระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และการลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้และสามารถกลับมาชำระหนี้ได้เป็นปกติ ตลอดจนเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของลูกหนี้ดีขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างความเข้มแข็งของภาคอสังหาริมทรัพย์ และดูแลความเสี่ยงของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี