นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยข้อมูลวิเคราะห์ธุรกิจที่น่าจับตามองไตรมาส 1/2567 ว่า “อี-คอมเมิร์ซ” เป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ชนิด“แรงไม่หยุด-ฉุดไม่อยู่” ปัจจัยสนับสนุนคือ พฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงรวมทั้ง การเปิดใจรับเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันทั้งการดำรงชีวิตและเป็นเครื่องมือช่วยอำนวยความสะดวกโดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด-19ผู้คนเปลี่ยนมุมมอง “นึกถึงสุขภาพร่างกายที่ดี ที่เป็นความมั่นคงที่แท้จริง พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต”ส่งผลให้คนไทยมีจำนวนการใช้อินเตอร์เนตเพิ่มมากขึ้น โดยข้อมูลจาก www.datareporter.com (Digital 2024 : Thailand) พบว่า ปัจจุบันคนไทยใช้งานอินเตอร์เนต 63.21 ล้านคน (88%) ใช้งานเฉลี่ย 7 ชั่วโมง 58 นาทีต่อวัน โดยแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่คนไทยใช้งานมากที่สุด คือ Facebook, LINE และ TikTok ตามลำดับ เพื่อติดต่อครอบครัวและเพื่อน ติดตามข่าวสาร และซื้อสินค้าออนไลน์ โดยคนไทยใช้แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซซื้อสินค้าและบริการสูงถึง 66.90%
ความนิยมที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจอี-คอมเมิร์ซที่เติบโตตลอด 6 ปีที่ผ่านมาทั้งจำนวนการจัดตั้งและมูลค่าทุนจดทะเบียนโดย ปี 2561 จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ 310 รายทุนจดทะเบียน 545.00 ล้านบาท ปี 2562จัดตั้ง 576 ราย (เพิ่มขึ้น 266 ราย หรือ 85.81%) ทุน 772.05 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น227.05 ล้านบาท หรือ 41.66%) ปี 2563จัดตั้ง 798 ราย (เพิ่มขึ้น 222 ราย หรือ 38.55%) ทุน 1,177.25 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น405.20 ล้านบาท หรือ 52.49%) ปี 2564จัดตั้ง 1,404 ราย (เพิ่มขึ้น 606 ราย หรือ75.94%) ทุน 1,800.41 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น623.16 ล้านบาท หรือ 52.94%) ปี 2565จัดตั้ง 1,459 ราย (เพิ่มขึ้น 55 ราย หรือ 3.92%) ทุน 1,922.56 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น122.15 ล้านบาท หรือ 6.79%) ปี 2566 จัดตั้ง 1,713 ราย (เพิ่มขึ้น 254 ราย หรือ17.41%) ทุน 2,270.84 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น348.28 ล้านบาท หรือ 18.12%)
ปัจจุบันธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ดำเนินกิจการทั้งสิ้น 7,393 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 43,704.22 ล้านบาท ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี และเชียงใหม่
จากการที่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องได้รับประโยชน์และมีอัตราการเติบโตตาม ได้แก่ 1) ธุรกิจขนส่ง (Logistics) เป็นธุรกิจที่เป็นหัวใจสำคัญของการค้าปลีกออนไลน์ โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งขั้นสุดท้าย หรือ Last-Mile Delivery จากการขยายตัวของฐานผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยในปี 2565-2566 มีอัตราการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ เติบโตเฉลี่ย 4.50% และคาดว่าจะเติบโตตามธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ
2) ธุรกิจคลังสินค้า (Warehouse)ธุรกิจคลังสินค้าสมัยใหม่ที่มีรูปแบบการให้บริการที่ครบวงจร (Fulfillment Center)มีศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงห้องเก็บความเย็น ซึ่งเป็นห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจการค้าปลีกออนไลน์
3) ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (Package)ที่ขยายตัวควบคู่กับการเติบโตของค้าปลีกออนไลน์ เน้นบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือพลาสติกรีไซเคิล โดยปี 2563-2566 มีอัตราการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ เติบโตเฉลี่ย 9.51%
4) ธุรกิจโฆษณาออนไลน์ (Digital Ads) การโฆษณาออนไลน์บนแพลตฟอร์มเติบโตควบคู่ไปกับการขายปลีกออนไลน์ซึ่งสามารถวิเคราะห์ลักษณะและพฤติกรรมของผู้บริโภคผ่านการซื้อสินค้าและบริการบนแพลตฟอร์ม และเป็นช่องทางชี้ชวนขั้นสุดท้ายก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ปี 2566 ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซไทยมีมูลค่าตลาด 6.34 แสนล้านบาท และคาดว่า ปี 2567 จะเพิ่มเป็น 6.94 แสนล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 6% และปี 2568 จะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 7.50แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบจำนวนธุรกิจอี-คอมเมิร์ซที่จดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลที่มีทั้งสิ้น 7,393 ราย กับผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซทั้งตลาดยังถือว่ามีน้อยมาก โดยคาดว่าผู้ประกอบการทั้งตลาดจะมีมากกว่า 1 แสนราย จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคล ผ่านระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration)ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า การจดทะเบียนจะช่วยยกระดับความน่าเชื่อของธุรกิจ สามารถยืนยันความมีตัวตนของธุรกิจ ได้รับโอกาสในการส่งเสริมธุรกิจผ่านโครงการต่างๆ ของภาครัฐ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นการสร้าง/เพิ่มโอกาสทางการแข่งขันของธุรกิจให้มีมากยิ่งขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี