ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ในส่วนของ Rubber City ระยะเวลาจัดโปรโมชั่นระหว่างวันที่ 15 มีนาคมถึง 30 กันยายน 2567 โดยให้สิทธิประโยชน์ทั้งผู้ประกอบกิจการใหม่ และผู้ประกอบการเดิมซึ่งผู้ประกอบกิจการใหม่ จะได้รับส่วนลด 3% จากราคาขายที่ดิน ขณะที่
ผู้ประกอบกิจการเดิม จะได้รับส่วนลด 5% จากราคาขายที่ดินเงื่อนไข คือ ทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาซื้อขายที่ดินเพื่อประกอบกิจการ ชำระค่ามัดจำไม่น้อยกว่า15% ของมูลค่าที่ดิน แจ้งเริ่มประกอบกิจการภายใน 3 ปี ห้ามขายหรือโอนที่ดินภายใน 9 ปี เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก กนอ. กรณีไม่ปฏิบัติตาม กนอ. มีสิทธิ์ยกเลิกมาตรการยึดเงินมัดจำ และเรียกร้องค่าเสียหายได้
ส่วนโครงการสำคัญตามนโยบายรัฐ-องค์กรเช่นโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ที่มีวัตถุประสงค์หลักคือ เพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือมาบตาพุด เพื่อรองรับการขนถ่ายสินค้าเหลวและก๊าซธรรมชาติ (LNG) 14.8 ล้านตัน/ปี เอกชนร่วมลงทุนทั้งถมทะเล สร้างท่าเรือ และประกอบกิจการ ระยะเวลาดำเนินการ 35 ปี เงินลงทุน 55,400 ล้านบาท คาดว่าเมื่อแล้วเสร็จจะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมูลค่า 32,000 ล้านบาทนั้น ความคืบหน้าล่าสุดอยู่ที่ 87.33% (ข้อมูล ณ วันที่ 19 เมษายน 2567) การถมทะเลและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2567 และก่อสร้างท่าเรือก๊าซฯ ต้นปี 2568 พร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2570 ขณะที่การก่อสร้างโครงการฯช่วงที่ 2 นั้นอยู่ระหว่างทบทวนรายงานผลการศึกษาเพื่อคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนพัฒนาก่อสร้างท่าเทียบเรือสินค้าเหลวและพื้นที่หลังท่า
โครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค (Smart Park) คืบหน้า 84.81% (ณ วันที่ 22 เมษายน 2567) คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2567 มีนักลงทุนจากหลายประเทศสนใจเข้ามาลงทุน ล่าสุดนักลงทุนจากจีนสนใจเช่าที่ดินแบบเหมาแปลงใหญ่ เพื่อประกอบกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จคาดว่าจะเกิดการจ้างงาน 7,459 คน มีเงินหมุนเวียนในพื้นที่กว่า 1,342 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ กนอ. ยังปรับตัวเข้าสู่ระบบ Digital Transformation ผ่านการดำเนินงานโครงการ Digital Twin ซึ่งเป็น Platform
พื้นฐานที่อยู่บนระบบดิจิทัล เชื่อมโยงข้อมูลจากอุปกรณ์เซ็นเซอร์ กล้องวงจรปิด ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำ ระบบขนส่ง และข้อมูลอื่นๆ เข้าด้วยกัน
แสดงผลแบบ Real Time บนแพลตฟอร์มดิจิทัล ช่วยให้ผู้ใช้งานวิเคราะห์ข้อมูล ตัดสินใจ และบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายวีริศ กล่าวถึงการเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำในภาคอุตสาหกรรมนั้น ได้รับรายงานว่า ในพื้นที่ EEC มีความต้องการน้ำที่ 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน มีน้ำสำรอง 1.18 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่ภาคเกษตรมีสิทธิ์ใช้น้ำก่อนภาคอุตสาหกรรม โดยน้ำในอ่างเก็บน้ำหลัก 4 แห่ง อยู่ที่ระดับ 52.05% คาดว่าเพียงพอจนถึงฤดูฝน อย่างไรก็ตาม กนอ. ยังเตรียมแผนรับมือภัยแล้ง โดยมีสระพักน้ำดิบ 1.6 ล้านลูกบาศก์เมตร สูบน้ำจากคลองน้ำหู คลองทับมา30,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ผลิตน้ำรีไซเคิล 5,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซื้อน้ำจากเอกชน 125,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี