ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ธ.ไทยพาณิชย์ ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์เกี่ยวกับภาพรวมของเศรษฐกิจไทย โดยระบุว่ากิจกรรมเศรษฐกิจโลกขยายตัวดีต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ภาคบริการขยายตัวดีขึ้น ภาคการผลิตกลับมาขยายตัวสองเดือนติดต่อกันหลังจากหดตัวมานานกว่าปีครึ่ง ในเดือน มี.ค.กิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวทั่วถึงมากขึ้น โดยเฉพาะอินเดียและสหรัฐฯ กิจกรรมทางเศรษฐกิจของยูโรโซนกลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวนานเกือบปี กิจกรรมเศรษฐกิจจีนเร่งตัวสูงเกินคาดในไตรมาส 1 สำหรับนโยบายการเงินโลก ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายช้ากว่าที่เคยมองไว้เป็นในไตรมาส 3 ทั้งปี 2-3 ครั้ง รวม 50-75 BPS ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ทั้งปี 4 ครั้ง รวม 100 BPS จากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงเร็วกว่า สำหรับธนาคารกลางจีน (PBOC) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีนี้เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจควบคู่กับมาตรการการคลัง
SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แม้ยังมีแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนและท่องเที่ยว โดยเฉพาะในเดือน เม.ย. ที่คาดว่าเทศกาลสงกรานต์จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากอาเซียนมาไทยมากขึ้น แต่ภาคการผลิตยังหดตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะหมวดสำคัญ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และเครื่องนุ่งห่ม และมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าตามการส่งออกที่จะขยายตัวต่ำในปีนี้ สำหรับในช่วงที่เหลือของปีเศรษฐกิจไทยมีปัจจัย Upside จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาเพิ่มเติม เช่น มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ที่จะช่วยดูดซับอุปทานที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลาง 3-7 ล้านบาท จากผู้ซื้อที่มีศักยภาพที่มีแผนจะซื้อบ้านอยู่แล้วให้เร่งซื้อภายในปีนี้ อย่างไรก็ดี SCB EIC ประเมินผลของมาตรการนี้มีแนวโน้มจำกัด เนื่องจากกลุ่มกำลังซื้อของตลาดที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทอาจไม่ได้รับอานิสงส์เท่าที่ควรจากมาตรการนี้ เพราะจะยังเผชิญแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนและดอกเบี้ยสูงรวมถึงข้อจำกัดการเข้าถึงสินเชื่อ ส่วนโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะแหล่งที่มาจากเงินงบประมาณ ซึ่งจะเริ่มมีผลต่อเศรษฐกิจช่วงท้ายปีนี้
ทั้งนี้ SCB EIC มองว่า หลังผลชั่วคราวของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ หมดลง ปัจจัยเชิงโครงสร้างจะยังคงเป็นแรงกดดันสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าอยู่ โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนสูงจะฉุดรั้งการบริโภคภาคเอกชน การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับต่ำจะกดดันทิศทางการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างที่สะสมมานานจะทำให้ศักยภาพเศรษฐกิจไทยต่ำต่อเนื่อง เช่น ผลิตภาพลดลง กำลังแรงงานลดลง และการลงทุนต่ำ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญจากราคาพลังงานที่ลดลงตามมาตรการช่วยค่าครองชีพภาครัฐ รวมถึงราคาอาหารสดลดลงอย่างไรก็ดี ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรง ส่งผลให้ราคาพลังงานโลกกลับมาอยู่ในระดับสูงอีกครั้ง ประกอบกับมาตรการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่กำลังจะหมดลง SCB EIC จึงประเมินว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะเป็นบวกได้ตั้งแต่เดือน พ.ค. และกลับเข้ากรอบ 1-3% ตั้งแต่ไตรมาส 3
SCB EIC คาดว่าจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในปีนี้ เนื่องจาก 1. เป็นการรักษาสถานะความเป็นกลางของนโยบายการเงิน (Neutral stance) จากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ทำให้ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สอดคล้องกับศักยภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว (Neutral rate) ลดต่ำลงจากเดิม และ 2. มติ กนง. ล่าสุดยังออกมาไม่เป็นเอกฉันท์ต่อเนื่อง และกรรมการเสียงส่วนน้อยให้เหตุผลเพิ่มเติมในการเสนอลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ เนื่องจากมองว่าจะสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ชัดเจนขึ้นแล้ว ยังจะมีส่วนช่วยบรรเทาภาระของลูกหนี้ได้บ้าง ส่วนค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็ว เนื่องจาก Fed ยังคง Hawkish กว่าธนาคารกลางอื่น ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ในไตรมาส 2 เงินบาทจะยังเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่า และเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกจากตลาดการเงินไทยในฤดูกาลจ่ายเงินปันผล มองกรอบเงินบาทอยู่ที่ 35.80 - 36.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี