นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการออกใบอนุญาตโรงงาน(ร.ง.4) ว่า กรอ. กำลังเร่งออกใบอนุญาต ร.ง.4 ให้กับ
ผู้ประกอบการที่ยื่นเอกสารครบถ้วน ถูกต้องและจะแล้วเสร็จจบใน 30 วันแน่นอน กรณีถูกตั้งข้อสังเกตว่าการออกใบอนุญาต ร.ง.4มีความล่าช้าและอยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นจำนวนมากนั้น ทาง กรอ.ได้ปรับปรุงกระบวนการออกใบอนุญาต ร.ง.4 อย่างต่อเนื่อง โดยการปรับลดขั้นตอนให้สั้นลง ลดระยะเวลา และออกใบอนุญาต ร.ง.4 ให้รวดเร็วขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน
อย่างไรก็ตาม กรอ. ได้กำหนดระเบียบหลักเกณฑ์ที่รัดกุมในการออกใบอนุญาต ร.ง.4 ในอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น โรงงานที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดกำจัดกากอุตสาหกรรม ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบกับประชาชนและสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันมีการยื่นขอรับใบอนุญาต ร.ง.4ลำดับที่ 105 และ 106 ซึ่งเป็นโรงงานรับกำจัดกากอุตสาหกรรม ถึง 123 คำขอ (จากทั้งหมด 187 คำขอ) มีทั้งที่เป็นของเสียอันตรายและไม่เป็นของเสียอันตราย เช่น การคัดแยก หลุมฝังกลบ ทำเชื้อเพลิงผสม ทำเชื้อเพลิงทดแทนจากน้ำมันและตัวทำละลายใช้แล้ว สกัดแยกโลหะ ถอดแยกบดย่อยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หลอมตะกรัน รีไซเคิลกรดด่าง ฯลฯ ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณาเอกสารประกอบการดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบรัดกุม มีความปลอดภัย เป็นไปตามหลักวิชาการทุกกระบวนการ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนในอนาคต ภายใต้กระบวนการพิจารณาที่มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบติดตามได้ในทุกขั้นตอน
นายจุลพงษ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีคำขอรับใบอนุญาต ร.ง.4 ของผู้ประกอบการรับกำจัดกากอุตสาหกรรมบางรายมีสาระสำคัญบางประการที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามหลักวิชาการ เช่น พื้นที่จัดเก็บหรือจัดวางวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ สารเคมี และวัตถุอันตรายมีความไม่เหมาะสม มีการจัดทำมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยไม่ครอบคลุมทุกกระบวนการผลิต ระบบบำบัดมลพิษน้ำและอากาศไม่เหมาะสมกับมลพิษที่เกิดจากกระบวนการผลิต เป็นต้น ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันเหตุที่อาจก่อให้เกิดความอันตรายไม่ปลอดภัยต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต กรอ. จึงได้แจ้งให้ผู้ประกอบการปรับปรุงมาตรการต่างๆ ให้มีความถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ และมีความปลอดภัยต่อทั้งผู้ปฏิบัติงานและประชาชนโดยรอบโรงงาน โดยปัจจุบัน มีคำขอที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ กรอ. เพียง 16 ราย เท่านั้น
“โรงงานที่รับกำจัดกากอุตสาหกรรม เป็นกลุ่มโรงงานที่มีความเสี่ยงสูง มักพบปัญหาถูกร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับการประกอบกิจการที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต แหล่งน้ำ และสิ่งแวดล้อมทั้งการปล่อยน้ำเสีย กลิ่นเหม็น ฝุ่นควัน รวมทั้งการตรวจพบโรงงานที่ไม่จัดการกากอุตสาหกรรมที่รับมาดำเนินการอย่างถูกต้องดังเช่นที่เป็นข่าวในหลายพื้นที่ เช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระยอง ราชบุรี เป็นต้น เกิดภาพลักษณ์ด้านลบต่อภาคการผลิตซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้ปรับปรุงกระบวนการการทำงาน การพิจารณาออกใบอนุญาต ร.ง.4 ด้วยความรวดเร็วและมีความละเอียดรอบคอบ” นายจุลพงษ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน นายวีริศ อัมระปาลผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) กล่าวว่า ด้วยว่า จากกรณีเหตุเพลิงไหม้บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด กนอ.จะยกระดับบทบาทหน้าที่ของ กนอ. โดยเฉพาะเรื่องของความชัดเจนในขอบเขตหน้าที่ที่รับผิดชอบ และสิ่งที่ต้องดำเนินการ โดยภายในสัปดาห์นี้จะลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเพื่อประชุมถึงมาตรการต่างๆ ที่ต้องปรับยกระดับให้มีความเข้มงวด รัดกุม และครอบคลุมถึงทุกคนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดย กนอ. จะต้องทำการศึกษายกระดับแผนการเผชิญเหตุ แผนการอพยพ และแผนการช่วยเหลือ “แม้กฎหมาย กฎเกณฑ์ต่างๆ จะไม่ได้กำหนดไว้ให้ แต่ในวันนี้ต้องมีการหารือเพื่อปรับรูปแบบการดำเนินการกฎระเบียบต่างๆ ให้ตรงกับความคาดหวังของประชาชน สังคม และผู้มีส่วนได้เสียจากนั้นจะส่งการยกระดับแผนดังกล่าวให้ทางจังหวัดต่อไป โดย กนอ. จะบังคับใช้แผนยกระดับนี้อย่างเข้มงวด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการดำเนินการของทุกคนในพื้นที่ให้กลับมาให้ได้ กนอ. ในฐานะเจ้าของพื้นที่ มีหน้าที่ทำให้เกิดความยั่งยืน ความเชื่อมั่นในการประกอบกิจการ และสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างยั่งยืน”นายวีริศกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี