น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้ากลุ่มคลายความร้อนอันดับ 1 ในอาเซียน และติดอันดับ Top 10 ประเทศผู้ส่งออกสูงของโลกในสินค้าเกือบทุกรายการ อาทิ ผู้ส่งออกเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบอันดับ 3 ของโลก รองจากจีนและเม็กซิโก ผู้ส่งออกไอศกรีมอันดับ 4 ของโลก รองจากสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร และผู้ส่งออกผลไม้กระป๋องและแปรรูปอันดับ 6 ของโลก รองจากสหภาพยุโรป จีน บราซิล สหรัฐฯ และตุรกี
สำหรับสินค้าเพื่อคลายความร้อน กลุ่มสินค้าอุปกรณ์ทำความเย็น อาทิ เครื่องปรับอากาศ และพัดลม กลุ่มสินค้าป้องกันความร้อนจากแสงแดด อาทิ โลชั่นกันแดด
และแว่นตากันแดด และกลุ่มสินค้าอาหารเพิ่มความสดชื่น อาทิ ไอศกรีมน้ำแข็งใส และผลไม้กระป๋องและแปรรูป
ทั้งนี้ ยังพบว่ากลุ่มสินค้าดังกล่าว ล้วนได้รับประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ไทยมีกับ18 ประเทศคู่ค้า อาทิ พัดลม ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 18 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย เปรู และชิลี ไอศกรีม ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 17 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ชิลี เปรู และฮ่องกง แว่นตากันแดดและครีมกันแดด ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 17 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ชิลี และฮ่องกง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 16 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 15 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาสถิติการส่งออกกลุ่มสินค้าดังกล่าวของไทยไปตลาดคู่ค้า FTA พบว่า มีอัตราการขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 เดือนของปี 2567 (มกราคม-มีนาคม) มีมูลค่า 1,269 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 13% สินค้าที่มีการส่งออกเติบโตสูง อาทิ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป มูลค่า 199 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 32% ครีมทาผิวที่รวมถึงครีมกันแดด มูลค่า 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 44% แว่นตากันแดด มูลค่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 42% พัดลม มูลค่า 61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 3% และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ มูลค่า 809 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 6% โดยมีตลาดส่งออกหลัก คือ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอินเดีย
“เป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการไทย ที่จะขยายส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังตลาดคู่ค้า FTA เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับคุณภาพมาตรฐานสินค้าและการผลิตให้เป็นไปตามหลักสากล และควรใช้ประโยชน์จาก FTA อย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มโอกาสและสร้างแต้มต่อให้กับสินค้าของไทย ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ที่มุ่งผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA และส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย SME โดยเฉพาะรายเล็ก” น.ส.โชติมากล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี