ผู้สื่อข่าวรายงานว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดเผยตัวเลขสินเชื่อไตรมาสแรก ปี 2567 โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัยของระบบแบงก์ไทย พบว่า อยู่ที่ 2.72ล้านล้านบาท ลดลงหากเทียบกับไตรมาส 4ของปี 2566 ที่ยอดสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.73 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะอาคารชุดยอดปล่อยสินเชื่อลดลงมาอยู่ที่ 6.23 แสนล้านบาท หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 6.28 แสนล้านบาท เช่นเดียวกันการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้ออาคารพาณิชย์ ที่พบว่า ปรับลดลงเช่นกันมาอยู่ที่ 1.61 แสนล้านบาท จาก 1.63 แสนล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขจำนวนบัญชีสินเชื่อปล่อยใหม่ปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.38 หมื่นล้านบาท ลดลงจาก 2.57 หมื่นล้านบาท ลดลงทั้งแนวราบ และอาคารชุด แนวราบลดลงเหลือ 1 หมื่นล้านบาท จาก 1.19 หมื่นล้านบาท ในไตรมาสก่อน ส่วนอาคารชุดลดลงเหลือ 5.5 พันล้านบาทจาก 5.8 พันล้านบาท ขณะที่ยอดรีไฟแนนซ์ ในไตรมาสนี้ ลดลงมาอยู่ที่ 7.6 พันล้าน จาก 8 พันล้านบาท และหากดูค่าเฉลี่ย LTV ratio ของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งใหม่และเก่า ไม่รวมสินเชื่อ top up พบว่าอยู่ที่ 89.55% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ 89.65% หากเทียบกับสินเชื่อรวม
ทั้งนี้ ภาพรวมสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง ถือว่าสอดคล้องกับ รายงานผลสำรวจและภาวะแนวโน้มสินเชื่อของธปท.จากผลสำรวจ ซึ่งพบว่า ความต้องการสินเชื่อครัวเรือนไตรมาสแรกที่ผ่านมา คาดว่าโดยรวมสินเชื่อทรงตัว ขณะที่ความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยปรับลดลง ตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อตลาดที่ซบเซา ประกอบกับต้นทุนการกู้ยืมที่อยู่ในระดับสูง
ส่วนไตรมาส 2 คาดว่าความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะทรงตัว แม้การส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น ส่วนมาตรฐานการให้สินเชื่อพบว่า สถาบันการเงินยังเข้มงวดปล่อยสินเชื่อครัวเรือนทุกประเภท เนื่องจากกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจและจากความน่าเชื่อถือด้านเครดิตของผู้กู้ และกังวลต่อคุณภาพสินเชื่อที่แย่ลงในทุกสินเชื่อ คาดว่าในไตรมาส 2 สถาบันการเงิน จะยังเข้มงวดปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากคุณภาพสินเชื่อที่แย่ลง
ทางด้านความเห็นของผู้บริหารของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ก็สอดคล้องกันในประเด็นดังกล่าว โดยนายภัทรพงศ์ รักตะบุตรประธานสายธุรกิจสินเชื่อรายย่อย และประธานสายเครือข่ายสาขา ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) กล่าวว่า สินเชื่อของธนาคารที่ปรับลดลง ส่วนหนึ่งมาจากการแข่งขันของดอกเบี้ยสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับบน ซึ่งโดยปกติสินเชื่อบ้านของ KKP อยู่ในกลุ่มลูกค้าระดับบน (Mass Affluent) ในขณะที่กลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ธนาคารไม่ได้ลงไปแข่งขันปล่อยสินเชื่อ จึงไม่ได้รับกระทบจากสถานการณ์หนี้เสียในลูกค้ากลุ่มดังกล่าว และพอร์ตโดยรวมของสินเชื่อบ้านของกลุ่มลูกค้าระดับบน (MassAffluent) ปัจจุบันถือหนี้เสียจัดว่าอยู่ในระดับทรงตัว
ขณะที่ นายเอกสิทธิ์ พฤฒิพลากร ผู้บริหารผลิตภัณฑ์ธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMB) กล่าวว่า ภาพรวมสินเชื่อรายย่อยปีนี้ถือว่ายากมากขึ้นโดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน จากข้อมูลภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ คาดการณ์สินเชื่อบ้านปีนี้เติบโตที่ 3% แต่ไตรมาสแรกที่ผ่านมา ชะลอตัวลงเหลือ 1.8% เท่านั้น หลักๆ มาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว นักท่องเที่ยวที่เข้ามาไม่ได้เติบโตเหมือนที่คาดไว้ ขณะที่หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงขึ้น ส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อโดยรวมแบงก์ยังคงเข้มปล่อยในการปล่อยสินเชื่อ จากคุณภาพผู้กู้ที่ด้อยลงด้วย โดยเฉพาะ บ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ที่พบว่าปัจจุบัน มียอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 70% จากเดิม 50-60% เนื่องจากคุณภาพผู้กู้ด้อยลงมาก เนื่องจากทิศทางหนี้เสียเพิ่มสูงขึ้น และภาระค่าใช้จ่ายของผู้กู้เพิ่มสูงขึ้น
ส่วน นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจำกัด กล่าวว่า ภาพรวมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ฯโดยรวมที่ปรับลดลง ส่วนหนึ่งมาจากยอดคืนหนี้ ในช่วงไตรมาสแรกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถือเป็นฤดูกาลในช่วงไตรมาสแรกทุกปี ที่ผู้กู้มีการคืนหนี้มากขึ้น เมื่อได้รับเงินเดือนหรือโบนัสในช่วงต้นปี อย่างไรก็ตาม คาดว่ายังมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลง และภาพรวมหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูง ที่เป็นตัวกดดันให้การปล่อยกู้ปรับลดลงได้ และภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ที่มีผลต่อกำลังซื้อของผู้กู้มากขึ้น “ภาพรวมสินเชื่อบ้านที่ลดลง และการขยายตัวชะลอลงจากปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากครัวเรือนมีหนี้เยอะขึ้น และเซ็กเมนต์ที่สามารถกู้ได้เฉพาะบางกลุ่มรายได้ เท่านั้น และจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวด้วย บวกกับช่วงไตรมาสแรกเป็นช่วงฤดูกาลที่มียอดคืนสินเชื่อเยอะ ทำให้ยอดคงค้างสินเชื่อบ้านลดลงด้วย”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี