นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม เปิดเผยว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยมีความตื่นตัวกับเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น เนื่องจากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงในบริบทต่างๆ อาทิ ความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้คนไทยหันมาใส่ใจต่อสุขภาพเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การเลือกอาหารที่ดีมีประโยชน์ เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงห่างไกลจากโรค
ทั้งนี้พฤติกรรมผู้บริโภคไม่ใช่แค่ใส่ใจเลือกอาหารที่ดี แต่ยังหันมาดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมจากการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารกลุ่มโปรตีนทางเลือก ที่ผู้บริโภคกลุ่มรักสุขภาพให้ความนิยมกันมากและเป็นตัวเลือกสำคัญที่จะมาทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ในอนาคต เพราะผ่านกระบวนการแปรรูปที่น้อยลงจึงเป็นการลดการใช้ทรัพยากรพลังงานและให้พลังงานต่ำ แต่ยังได้รับสารอาหารครบถ้วนและจำเป็นต่อสุขภาพ
นายภาสกร กล่าวว่า โปรตีนทางเลือกยังเป็นตลาดที่น่าสนใจ โดยมูลค่าตลาดโปรตีนทางเลือกของไทย มีมูลค่ากว่า 3.62 หมื่นล้านบาท (ข้อมูล ณ ปี 2564) ซึ่งเป็นมูลค่าตลาดโปรตีนทางเลือกที่มาจากนวัตกรรมอาหารใหม่ มีมูลค่า 4,500 ล้านบาท มีแนวโน้มขยายตัวเฉลี่ย 8% ต่อปี และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 5,670 ล้านบาท ในปี 2567 จึงเป็นความท้าทายและโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรอุตสาหกรรมของไทย
ทั้งนี้กรมฯให้ความสำคัญในการยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปรับตัวให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงภายใต้นโยบาย “RESHAPE THE FUTURE : โลกเปลี่ยน อุตสาหกรรมปรับ พร้อมรับอนาคต” ผ่านกลยุทธ์การปรับตัวให้ก้าวทันอุตสาหกรรมยุคใหม่(RESHAPE THE INDUSTRY) โดยเน้นพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้ปรับตัวได้เท่าทันต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการสร้างโอกาสใหม่ๆ และกลยุทธ์การปรับเปลี่ยนการพัฒนาเชิงพื้นที่(RESHAPE THE AREA) ด้วยการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC) เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่อุปทานให้กับสินค้าและบริการที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมเป้าหมายของแต่ละพื้นที่ ผ่านการยกระดับเกษตรอุตสาหกรรมด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก(Alternative Protein) ภายใต้โครงการยกระดับฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ล้านนาสู่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Creative LANNA Forward)
สำหรับกิจกรรมการยกระดับเกษตรอุตสาหกรรมฯในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือในการพัฒนาเชิงพื้นที่ เพื่อปรับเปลี่ยนและยกระดับผู้ประกอบการให้ก้าวทันพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้น โดยกรมฯได้มีการบูรณาการความร่วมมือกับกลุ่มจังหวัดภาคเหนือเพื่อผลักดันศักยภาพของผู้ประกอบการภาคเกษตรอุตสาหกรรมในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ด้วยการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม คาดสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ และสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเกษตรแปรรูป ภายใต้แนวคิด “การตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืนทางธรรมชาติ และความมั่นคงทางอาหาร”
นอกจากนี้ยังเป็นการนำทุนทางทรัพยากรที่มีอยู่เดิมมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรในพื้นที่สู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงและดีต่อสุขภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในพื้นที่ อันจะเป็นแรงขับเคลื่อนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือในอนาคต
นายภาสกร กล่าวว่า กรมฯตั้งเป้าผลักดันผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนทางเลือกสู่เชิงพาณิชย์ จำนวน 15 ผลิตภัณฑ์/กิจการ จากอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง ซึ่งเป้าหมายทั้งหมดจะได้รับการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเกษตรแปรรูป จากทีมผู้เชี่ยวชาญ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาร่วมบ่มเพาะทักษะ องค์ความรู้ต่างๆ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มาพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากโปรตีนทางเลือกสำหรับทดแทนโปรตีนจากสัตว์ เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี