นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า BAM ได้กำหนดแผนกลยุทธ์ประจำปี 2567 ประกอบด้วย กลยุทธ์การขยายธุรกิจ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ Clean Loan ด้วยการจัดกลุ่มลูกหนี้ Clean Loan ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่บริหารเอง กับกลุ่มที่ให้ทนายนอก/Collector บริหารจัดการ เพื่อลดเวลาในการติดตามหนี้ และการดำเนินโครงการกิจการค้าร่วม (Consortium) โดยในเบื้องต้น BAM จะคัดเลือกทรัพย์ประเภทโครงการ เพื่อกำหนดมาตรฐานเงื่อนไข รวมถึงกลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจ ได้แก่ การพัฒนา Pricing Model ในการกำหนดราคาซื้อ และเน้นการลงทุนแบบ Selective และการลดค่าใช้จ่าย ลดเวลา ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทางคดีกระบวนการประเมินราคาทรัพย์ รวมถึงปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีความยืดหยุ่น
ทั้งนี้ ในอีก 3-5 ปี ข้างหน้า BAM ได้วางแนวทางการเป็น Digital Enterprise ซึ่งมีการปรับกระบวนการทำงานหลักสำหรับ NPL NPA LAW และบัญชีการเงิน รวมถึงการสร้างฐานข้อมูลเพื่อนำมาใช้เชิงธุรกิจ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบงานและข้อมูลสารสนเทศ ในขณะที่ระยะ 3-5 ปี มุ่งสู่การเป็นศูนย์การสร้างมูลค่าทรัพย์ (Asset market maker) ด้วยการดำเนินการเป็น Non-Financial Debt Management (NFD), Secured P2P Facilitator และRegional AMC Expansion ส่วนระยะมากกว่า 5 ปี สร้างโอกาสในระยะยาวด้วยการเพิ่มพอร์ตไปยัง Non-RE (Alternative assets), ปล่อยกู้ลูกหนี้ที่ชำระอย่างสม่ำเสมอ (Recovery credit) การเป็น Regional NPLs marketplace การจัดทำธุรกิจลงทุนในหุ้นนอกตลาด (Private equity) การ Distressed PE broker และการพัฒนาธุรกิจด้านข้อมูลการลงทุนอสังหาฯ (RE Data intelligence) รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับอนาคต Capability Development พร้อมทั้งการจัดทำแผนพัฒนา Successor & Talentและพัฒนา Core Capability เช่น งาน AO :NPL /NPA และงานประเมินราคาทรัพย์สิน
ส่วนดำเนินงานในช่วง 25 ปี ที่ผ่านมา ถือว่าบรรลุตามเป้าหมายในการเป็นองค์กรซึ่งทำหน้าที่แก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของประเทศ โดยสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ให้ได้ข้อยุติจากการแก้ไขปัญหาหนี้เป็นจำนวน 155,683 ราย คิดเป็นภาระหนี้เงินต้น 484,649 ล้านบาท และสามารถจำหน่ายทรัพย์ NPA ไปแล้ว จำนวน 52,258 รายการ คิดเป็นราคาประเมิน 122,866 ล้านบาท ขณะที่ผลเรียกเก็บไตรมาส 1 ปี’67สามารถทำได้ 3,535 ล้านบาท มีอัตราเติบโตที่ 9.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่จำนวน 3,230 ล้านบาท ซึ่งช่วยทำให้สามารถสร้างผลกำไรได้ 423 ล้านบาท มีการเติบโตสูงถึง 58.43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีผลกำไร 267 ล้านบาท ส่งผลทำให้ตลอดช่วง 25 ปี BAM มีกำไรสะสมรวม 77,593 ล้านบาท โดยปัจจุบัน BAM มี NPL อยู่ในความดูแลจำนวน 87,371 ราย คิดเป็นภาระหนี้รวม 496,002 ล้านบาท เมื่อเทียบกับระบบสถาบันการเงินคิดเป็น 98.06% ขณะที่ NPA มีจำนวน 24,378 รายการ มูลค่าราคาประเมิน 72,958 ล้านบาท เมื่อเทียบกับระบบสถาบันการเงินคิดเป็น 47.19%
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการ NPL ได้ดำเนินการผ่านโครงการ/มาตรการต่างๆ เช่น มาตรการโอนตีทรัพย์ชำระหนี้ มาตรการซื้อคืนทรัพย์หลักประกัน (First Buyers Option) มาตรการปรับลดหนี้ และมาตรการแปลงหนี้เป็นทุน โดยมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ของ BAM จะเน้นการเจรจาภายใต้เงื่อนไขที่ผ่อนปรนให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดร่วมกันทั้งฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้ ขณะที่ด้านบริหารจัดการ NPA เน้นจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตาม Target Segment มีการทำโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายตลอดช่วง 25 ปี ที่ผ่านมาเช่น โครงการที่นำเสนอขายคอนโดฯราคาประหยัดให้กับผู้มีรายได้น้อยหรือมีงบประมาณจำกัด ส่วนโครงการขายทรัพย์แบบผ่อนชำระกับ BAM เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อจากสถาบันการเงินสามารถยื่นขอเข้าร่วมโครงการซื้อทรัพย์แบบผ่อนชำระกับ BAM ได้ นอกจากนี้ยังมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่ดินเปล่าซึ่ง BAM สร้างแปลงสาธิตบนทรัพย์ประเภทที่ดินเปล่าของ BAM เพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกค้าเห็นการใช้ประโยชน์ในที่ดิน เช่น โครงการ ปลูกพืชเศรษฐกิจเพื่อผลิตพลังงานทดแทน โครงการ พออยู่ พอกิน กับที่ดิน บสก. โครงการ ชีวิตที่ดี มีได้จริง โครงการทำกิน 1 ไร่ ทำได้ 1 แสน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี