นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ไตรมาสแรก ปี 2567 (มกราคม - มีนาคม) ธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยประกันภัยรับรวม (Total Premium) อยู่ที่ 163,959 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 4.72% จำแนกเป็น เบี้ยประกันชีวิตรายใหม่ (New Business Premium) 45,890 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 2.07% และเบี้ยประกันชีวิตปีต่อไป (Renewal Year Premium) 118,068 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 5.79% และมีอัตราความคงอยู่ 83%
สำหรับเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ ประกอบด้วย1.เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (First Year Premium) จำนวน 29,841 ล้านบาท เติบโตลดลง 3.59% 2.เบี้ยประกันภัยรับจ่ายครั้งเดียว (Single Premium) จำนวน 16,050 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 14.56% เมื่อจำแนกเบี้ยประกันภัยรับรวม ในช่วงไตรมาสแรก ปี 2567 แยกตามช่องทางการจำหน่าย พบว่า อันดับ 1 การขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต จำนวน 78,013 ล้านบาท สัดส่วน 47.58% เพิ่มขึ้น 2.20% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา อันดับ 2 การขายผ่านธนาคาร จำนวน 66,044 ล้านบาท สัดส่วน 40.28% เพิ่มขึ้น 5.49% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาอันดับ 3 การขายผ่านช่องทางนายหน้า จำนวน 11,228 ล้านบาท สัดส่วน 6.85% เพิ่มขึ้น 16.90% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา อันดับ 4 การขายผ่านช่องทางโทรศัพท์ 3,090 ล้านบาท สัดส่วน 1.88% ลดลง 11.62% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา อันดับ 5 การขายผ่านช่องทางดิจิทัล 313 ล้านบาท สัดส่วน 0.19% เพิ่มขึ้น24.91% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาอันดับ 6 การขายผ่านช่องทางไปรษณีย์ 4 ล้านบาท สัดส่วน 0.002% ลดลง 39.79% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ส่วนการขายผ่านช่องทางอื่นๆ (Others) เช่นการขาย Worksite การขายผ่านการออกบูธ Walk-inและการขายผ่านร้านค้าสะดวกซื้อ เป็นต้น มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 5,266 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.21%เพิ่มขึ้น 23.30% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา
สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมและมีอัตราการเติบโตในไตรมาสแรก ปี 2567 คือ สัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพและคุ้มครองโรคร้ายแรง (Health และ CI) ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 32,776 ล้านบาท เพิ่มขึ้น12.48% คิดเป็นสัดส่วน 19.99% ซึ่งหลักๆ มาจากการที่ประชาชนใส่ใจดูแลสุขภาพและเริ่มตระหนักถึงความสำคัญในการทำประกันคุ้มครองสุขภาพและประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงมากขึ้น เพื่อบริหารความเสี่ยงและรับมือกับค่ารักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น (Medical Inflation) ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Pension)ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งมาจากการที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัว (Aged Society) รวมถึงเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงินช่วงวัยเกษียณมากขึ้น ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรับรวม ของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Pension) อยู่ที่ 2,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.80%คิดเป็นสัดส่วน 1.59% ขณะที่ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit - Linked และ Universal life) ก็ได้รับความสนใจเช่นเดียวกัน โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 8,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.98% คิดเป็นสัดส่วน 5.48% ส่วนหนึ่งมาจากการที่ประชาชนเริ่มเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งเรื่องการลงทุนและความคุ้มครอง ที่มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการปรับลดเงินลงทุนหรือทุนประกันภัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี