ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 พฤษภาคม 2567 พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 284.92 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์(โบรกเกอร์)ขายสุทธิ 1,597.37 ล้านบาทนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 82,159.62 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ(รายย่อย)ซื้อสุทธิ 84,041.90 ล้านบาท

ทั้งนี้ เฉพาะช่วงวันที่ 1-31 พฤษภาคม 2567 พบว่าสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 5,879.12 ล้านบาท โบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 3,354.33 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 16,747.07 ล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ 7,515.63 ล้านบาท

ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ตามแรงขายสุทธิต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์เนื่องจากยังคงรอปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด ก่อนจะร่วงลงในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ตามทิศทางหุ้นภูมิภาคจากความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับสูงเป็นเวลานานดัชนีหุ้นไทยเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องในช่วงปลายสัปดาห์ นำโดย หุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ พลังงานและอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ นักลงทุนต่างชาติยังคงมีสถานะขายสุทธิต่อเนื่องในสัปดาห์นี้

ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,345.66 จุด ลดลง 1.38% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 46,273.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.45% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.56% มาปิดที่ระดับ 379.92 จุด

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้(3-7 มิถุนายน 2567) บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กสิกรไทย มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,335 และ 1,320 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,355 และ 1,370 จุดตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคม ของไทย และทิศทางเงินทุน
ต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขนำเข้าและส่งออกเดือนเมษายน ดัชนี PMI และ ISM ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราว่างงานเดือนพฤษภาคมรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 ของยูโรโซน ดัชนี PMI เดือนพฤษภาคมของยูโรโซน ญี่ปุ่น และจีนตลอดจนตัวเลขนำเข้าและส่งออกเดือนพฤษภาคมของจีน