นางสาวเกษรี อายุตตะกะ ผู้อำนวยการกลยุทธ์การลงทุน SCB CIO ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยในงานสัมมนา Exclusive Investment Talk ภายใต้หัวข้อ “รู้ทันเศรษฐกิจโลก จัดสรรความมั่งคั่ง แบบมีเป้าหมาย” ที่จัดขึ้นให้แก่กลุ่มลูกค้า High Net Worth Individuals (HNWIs) ว่า ปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 มี 5 ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อพอร์ตลงทุน ได้แก่ 1. ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกอาจขยายตัวในอัตราชะลอลงมากกว่าที่หลายฝ่ายคาด 2. ความไม่แน่นอนจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) 3. ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน 4. ความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และ 5. ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดย SCB CIO มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลก เกือบทุกประเทศถูกปรับประมาณการดีขึ้น แต่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่ำกว่าอดีต ขณะที่ปริมาณการค้าโลกมีแนวโน้มปรับลดลง จากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะหากทรัมป์ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้วนำไปสู่การขึ้นภาษีทุกสินค้านำเข้าจากจีนอย่างน้อย 60% และขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทั่วโลกที่ 10% จะส่งผลกดดันโมเมนตัมการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ผ่านการค้าและห่วงโซ่อุปทานโลกที่จะแย่ลง
ทั้งนี้ มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในช่วงที่เหลือของปี 2567 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อชะลอลง ด้านตลาดแรงงาน ยังคงแข็งแกร่ง ส่วนเศรษฐกิจยุโรป ได้หลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) และปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ด้านเศรษฐกิจจีน มีแนวโน้มขยายตัวได้ตามเป้าที่ 5% โดยในระยะสั้นได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นรอบใหม่ แต่ในระยะกลาง ยังถูกกดดันจากการชะลอตัวเชิงโครงสร้างของภาคอสังหาฯ และการกีดกันทางด้านการค้าที่รุนแรงมากขึ้น สำหรับเศรษฐกิจไทยถูกนักเศรษฐศาสตร์ปรับลดประมาณการ GDP ในปีนี้ลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นปี ตามการส่งออกสินค้าและการใช้จ่ายภาครัฐฯ ที่ชะลอตัว แม้ว่าจะมีแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวก็ตาม
ส่วนความไม่แน่นอนนโยบายการเงินของเฟด มีผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) สหรัฐฯ 10 ปี และจะส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาด เนื่องจาก ต้นทุนการระดมทุนของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจจะยังอยู่ในระดับสูงต่อ และกระทบกับกำไรของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯ ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอื่นๆ คาดว่า ธนาคารกลางยุโรปมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ในส่วนของไทย คาดว่า การลดดอกเบี้ยน่าจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในช่วงไตรมาส 4/2567
น.ส.เกษรี กล่าวว่า เมื่อพิจารณา ผลตอบแทนรวมจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ นับตั้งแต่ต้นปีจนถึง 31 พ.ค. 2567 ทองคำ ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดอยู่ที่ 12.8% ตามด้วยหุ้นสหรัฐฯ อยู่ที่ 10.6% น้ำมัน WTI และ ตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว (ไม่รวมหุ้นสหรัฐฯ) อยู่ที่ 7.5% และหุ้นตลาดเกิดใหม่ อยู่ที่ 3.5% อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาควบคู่กับสถิติในอดีต ไม่มีสินทรัพย์ประเภทใดให้ผลตอบแทนโดดเด่นติดต่อกันทุกปี ดังนั้น หากต้องการรับมือความเสี่ยงที่มีผลต่อการลงทุน แนะนำให้ผู้ลงทุนจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย (Asset Allocation) ซึ่งจะช่วยให้มีโอกาสรับผลตอบแทนค่อนข้างสม่ำเสมอในระยะยาว
สำหรับ การจัดพอร์ตโดยการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่หลากหลาย( Asset Allocation) ในกรณีรับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง ผู้ลงทุนสามารถจัดแบ่งเงินส่วนใหญ่ 75-85% ไว้ในพอร์ตหลักสำหรับการลงทุนระยะยาว (Core Portfolio) โดยควรมีการสำรองสภาพคล่อง พร้อมกระจายเงินลงทุนทั้งในตราสารหนี้ เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้พอร์ตลงทุน เพราะจากสถิติในอดีตบ่งชี้ว่า ในช่วง 6 เดือน และ 12 เดือน หลังเฟด หยุดขึ้นดอกเบี้ย และหลังเฟด ลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ตราสารหนี้ของสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนรวมเป็นบวก รวมถึงลงทุนในตลาดหุ้นที่มีพื้นฐานดี มี Valuation ที่เหมาะสม ทั้งในตลาดพัฒนาแล้ว และตลาดเกิดใหม่ ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) รวมถึง สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยง ให้พอร์ตมีความมั่นคงและมีเสถียรภาพมากขึ้น
ขณะที่ เงินอีกส่วน 15-25% สามารถแบ่งไปลงทุนผ่าน พอร์ตเสริมโอกาส (Opportunistic Portfolio)ในตลาดหุ้นที่เห็นโอกาสในช่วงเวลานั้นได้ ซึ่งในปัจจุบัน SCB CIO มองเห็นโอกาสอยู่ใน 5 ตลาด ได้แก่ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ตลาดหุ้นเวียดนาม ตลาดหุ้นจีน H-Share ตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นไทย ที่Valuation ค่อนข้างถูก ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์ คาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS growth)ของตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในปี 2567 จะขยายตัวดีขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี