อย่าเอา “มันสำปะหลัง” บังหน้า ปั่นราคาข้าวโพด
กรณีการคัดค้านยกเลิกมาตรการ 3:1 ของพ่อค้าพืชไร่ที่นำเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังมาร้องเรียนรัฐฯว่า การนำเข้าข้าวสาลีมาผลิตอาหารสัตว์ มีผลให้ราคามันสำปะหลังตกต่ำ เกิดเป็นข้อสงสัยว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร เพราะเมื่อศึกษาข้อเท็จจริงเบื้องต้น ก็พบว่าในปี 2566 ที่มีการนำเข้าข้าวสาลีเพิ่มขึ้น ราคามันสำปะหลังในปีนั้นก็สูงขึ้นอย่างมาก และประเด็นสำคัญคือ มันสำปะหลัง ไม่ใช่พืชวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์ ทั้งยังเป็นพืชที่มีการนำเข้า-ส่งออกได้อย่างเสรี เรียกได้ว่าแทบไม่มีผลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้าวสาลีเลย จึงเป็นไปได้มากว่า มันสำปะหลัง ถูกนำมาบังหน้าเพื่อจุดประสงค์เบื้องหลังบางอย่าง
เมื่อวิเคราะห์ข้อเท็จจริงของราคามันสำปะหลังทีละประเด็น ก็พบสิ่งที่น่าสนใจ ดังนี้
1.) ราคามันสำปะหลังเส้นในปี 2567 นี้ไม่ได้ตกต่ำ เป็นเพียงแค่ราคาอ่อนตัวลงจากปี 2565 และ 2566 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศจีนฟื้นตัวจากโควิด ทำให้การส่งออกมันสำปะหลังเส้นและผลิตภัณฑ์ในสองปีนั้นมีมากขึ้น นอกจากนี้ ราคามันเส้นเดือนพฤษภาคม 2567 อยู่ในระดับ 8.74 บาท/กก. สูงกว่าปี 2562-2564 ตั้งแต่ 1 บาท ถึง 1.50 บาท/กก.
2.) มันสำปะหลังไม่ใช่วัตถุดิบหลักของอาหารสัตว์ ปกติการผลิตอาหารสัตว์ จะมีสัดส่วนการใช้มันสำปะหลังเส้น เพียง 1-1.5 ล้านตันต่อปี หรือราว 5 % ของการผลิตอาหารสัตว์ทั้งหมด 20 ล้านตัน/ปี เนื่องจาก มันสำปะหลัง เป็นพืชที่มีแป้งสูง แต่มีโปรตีนต่ำเมื่อเทียบกับ ข้าวโพด ข้าวสาลี ปลายข้าว จึงเป็นทางเลือกลำดับท้ายๆ ในการนำมาใช้ ที่สำคัญ คือ มีข้อจำกัดในการใช้มาก ทำให้ไม่สามารถใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ได้ทุกชนิด อาทิ
2.1 มันสำปะหลังมีค่ากากใยสูง หากใส่ในอาหารสัตว์มาก จะทำให้สูตรอาหารมีค่ากากเกินกว่าที่ขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ไว้กับกรมปศุสัตว์
2.2 มักพบเชื้อ Clostridium Perfringens ที่อยู่ในดินปะปนมากับหัวมันสำปะหลัง ทำให้สัตว์ได้รับเชื้อและเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารและป่วยได้
2.3 ถ้าใช้ในปริมาณที่มากในสูตรอาหารสุกรจะมีผลต่อคุณภาพซากสุกรชำแหละ ทำให้มันแข็งสีขุ่น ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด
3.) สาเหตุหลักที่ทำให้ราคามันสำปะหลังลดต่ำลง พบว่า
3.1 ประเทศไทยผลิตมันสำปะหลังได้ประมาณ 30 ล้านตันหัวมันสด ไม่เพียงพอต่อการส่งออก รัฐจึงปล่อยให้สามารถการนำเข้าโดยเสรีไม่มีการจำกัดจำนวน หรือเวลานำเข้า สองปีหลังสุด (2565-2566) ข้อมูลจากกรมศุลกากรระบุว่า ไทยนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังประมาณ 4 ล้านตัน/ปี ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากกัมพูชาและลาวโดยพ่อค้าพืชไร่ เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศจีน โดยเกษตรกรไทยไม่ได้ประโยชน์ใดๆในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม ในภาวะส่งออกไม่ดี ผู้เขียนเห็นว่า รัฐควรกำกับดูแลการนำเข้า และสนับสนุนให้ใช้มันสำปะหลังภายในประเทศก่อน เพื่อพยุงราคาช่วยเหลือเกษตรกรไทย
3.2 ประเทศจีน เป็นตลาดส่งออกมันสำปะหลังหลักของไทย หรือมากถึง 90% เมื่อจีนมีนโยบายชะลอการนำเข้ามันสำปะหลัง นับเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบราคามันสำปะหลัง จากข้อมูลการส่งออกมันสำปะหลังเส้นในช่วงเดียวกัน พบว่าปริมาณส่งออกไปจีนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ปริมาณส่งออกมันเส้น66/67 (ต.ค.66-ก.พ.67) มีเพียง 0.57 ล้านตันลดลงเป็น 5 เท่าของการส่งออก ปี 65/66 (ต.ค.65-ก.พ.66) ที่มีการส่งออกอยู่ที่ 2.423 ล้านตัน
ส่วนการนำเข้าข้าวสาลีนั้น เชื่อมโยงกับข้าวโพดโดยตรง เนื่องจากมีข้อกำหนดว่า ต้องซื้อข้าวโพด 3 ส่วนก่อนจึงจะนำเข้าข้าวสาลีได้ 1 ส่วน ปัจจุบันพ่อค้ากักตุนสต็อกข้าวโพด ฮั้วกันปั่นราคาให้สูงขึ้น จึงแทบไม่มีข้าวโพดให้ซื้อในตลาด ส่งผลให้ไม่สามารถนำเข้าข้าวสาลีได้ด้วย จึงเป็นภาระหนักให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์แบกรับในการหาวัตถุดิบได้ยากและแพง หากรัฐฯยกเลิกมาตรการ 3:1 จะทำให้พ่อค้าไม่สามารถกักตุนข้าวโพดเพื่อปั่นราคาได้ จึงหา "เครื่องมือ" มาอ้าง เพื่อให้รัฐยังคงมาตรการ 3:1 ไว้ น่าเสียดายที่เครื่องมือที่อ้างไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกับข้าวสาลี ... ถึงตรงนี้ต้องบอกว่า สงสาร "เกษตรกรมันสำปะหลัง" ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ โดยไม่รู้ตัวและไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับเกษตรกรเลย
โดย สมรรถพล ยุทธพิชัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี