นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เปิดเผยวิสัยทัศน์ว่า ปตท.จะดำเนินการภายใต้แนวคิด “แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน” หรือ “TOGETHER FOR SUSTAINABLE THAILAND, SUSTAINABLE WORLD” ดำเนินธุรกิจบนหลักความยั่งยืนอย่างสมดุลให้เหมาะกับบริบทองค์กร ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ทั้งนี้ มุ่งให้ปตท.เป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทยและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล บริหารองค์กรด้วยความโปร่งใส มีการกำกับดูแลที่ดีมีธรรมาภิบาล

ทั้งนี้ ปตท.จะนำนโยบายรัฐบาลมาดำเนินการให้สอดคล้องกับบริบทของธุรกิจ ปตท. โดยคำนึงถึงประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียอย่างเหมาะสม บนพื้นฐานของความสมดุลทั้งด้านความมั่นคงทางพลังงาน กำไรที่เหมาะสม และการคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม โดย ปตท.เตรียมทบทวนกลยุทธ์ทางธุรกิจตามแผนการลงทุน 5 ปีใหม่ (ปี 2568-2572) ภายในเดือนสิงหาคม 2567 นี้ ซึ่งจะต้องนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ปตท.(บอร์ด ปตท.) อนุมัติต่อไป

“คาดจะเห็นความชัดเจนการทบทวนแผนลงทุนในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2567 ทั้งวงเงินลงทุน ธุรกิจที่จะเร่งเดินหน้าต่อ และธุรกิจที่อาจจะปรับลดขนาดหรือถอยการลงทุนลง เป็นต้น ซึ่ง ปตท.จะดำเนินการอย่างระมัดระวัง และเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน หลังเห็นแผนการลงทุนที่ชัดเจนออกมาในอนาคต”นายคงกระพัน กล่าว

โดยทิศทางและกลยุทธ์ของกลุ่ม ปตท. จะเน้นการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน สร้างการเติบโตทางธุรกิจ ควบคู่กับการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างสมดุล ประกอบด้วย 5 แนวทาง ได้แก่ 1.ยกระดับความสามารถทางการแข่งขันให้ธุรกิจที่มีอยู่เดิม ทำธุรกิจให้แข็งแรง ปรับ Portfolio โดยหาพันธมิตรที่มีศักยภาพ พร้อมต่อยอดสร้างการเติบโตในเรื่องที่ถนัด แบ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ Hydrocarbon and Power ประกอบด้วย ธุรกิจสำรวจและผลิต : สร้างความต่อเนื่องมั่นคงทางวัตถุดิบจัดหา source ใหม่ที่มีต้นทุนต่ำ สร้างผลตอบแทนที่ดี,ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ : สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจเดิม ซึ่งต้องมีความ Competitive และ Lean แสวงหา Alternative Source ทั้ง Pipe gas และ LNG มีต้นทุนที่แข่งขันได้

ธุรกิจไฟฟ้า : การสร้างความมั่นคงและรักษา Reliability ให้กับกลุ่ม ปตท. พร้อมกับการจัดหาพลังงานสะอาด และแสวงหาโอกาสสร้างการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ, ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น : สร้างความแข็งแรง เติบโตร่วมกับ Strategic Partner รวมถึงมุ่งเน้นสร้างการเติบโตใน High Value & Low Carbon Business, ธุรกิจค้าปลีก : มุ่งเน้นการลงทุนที่มี Substance มีความสำคัญต่อผลประกอบการและเป็นประโยชน์ต่อสังคม, ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ : ต้องสร้าง Synergy ภายในกลุ่ม ปตท. ยกระดับขยายผลทั้งในและต่างประเทศ

ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Non-Hydrocarbon Business ที่เป็น New S-Curve หรือธุรกิจใหม่ มีหลักในการดำเนินธุรกิจ คือ กลยุทธ์ที่ทำเรื่อง EV / Life Science & Healthcare / Digital มีความสอดคล้องกับ Global Megatrends โดย ปตท.มีจุดแข็งสามารถ Synergy ในกลุ่ม ปตท. เพื่อที่จะสร้างความแตกต่างได้ ประกอบด้วย ธุรกิจ EV และLogistics ต้องเข้าใจ value chain เลือกเล่นใน space ที่เหมาะสม ธุรกิจ Life Science ร่วมมือกับพันธมิตรสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ ธุรกิจ Industial AI ต้องยกระดับ ขยายผลทั้งกลุ่ม ปตท. ช่วยให้ธุรกิจเดิมเข้มแข็ง และต่อยอดเป็นธุรกิจใหม่

2.สร้างการเติบโต หาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ต่อยอดสร้างการเติบโตในธุรกิจ โดยเฉพาะด้านความยั่งยืน คือ ธุรกิจไฮโดรเจนและคาร์บอน สร้างการเติบโตต่อยอดจากเป้าหมาย Decarbonization เน้นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบบูรณาการทั้งกลุ่ม ปตท., 3.สร้างความชัดเจนในแนวทางความยั่งยืนทุกมิติ ด้วยการบูรณาการเข้าไปในธุรกิจ

4.สร้างปัจจัยที่ทำให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ สร้างประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เป็นเลิศ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถ และ 5.รักษาพื้นฐานสำคัญ มุ่งเน้นธรรมาภิบาลและการกำกับกิจการที่ดี บริหารองค์กรด้วยความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล ยึดถือ Way of Conduct อย่างเคร่งครัด รวมถึงการบริหารบุคลากร ด้วยความยุติธรรม โปร่งใส

อย่างไรก็ตาม ปตท.พร้อมรับนโยบายรัฐบาลมาปฏิบัติตาม เพื่อร่วมผลักดันให้เป็นไปตาม “แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 หรือ PDP 2024” ฉบับใหม่ โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้มากขึ้นในสัดส่วน 51% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด