ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อลิอันซ์ โกลบอล อินชัวรันส์ ได้เปิดบทวิเคราะห์การพัฒนาของตลาดประกันทั่วโลก ฉบับล่าสุด โดยระบุว่าอุตสาหกรรมประกันภัยทั่วโลกขยายตัวประมาณ 7.5% ในปี 2566 นับเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2549 หรือหนึ่งปีก่อนเกิดวิกฤตการเงินโลก ในภาพรวม บริษัทประกันทั่วโลกมีรายได้จากประกันทั้งหมด 6.2 ล้านล้านยูโรแบ่งเป็นประกันชีวิต (2.620 ล้านล้านยูโร)ประกันทรัพย์สินและวินาศภัย (2.153 ล้านล้านยูโร) และประกันสุขภาพ (1.427 ล้านล้านยูโร) ในช่วงสามปีที่ผ่านมารายได้เบี้ยประกันภัยทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 1.1 ล้านล้านยูโร หรือ 21.5% อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อในระดับสูง ดังนั้น ในความเป็นจริง การเติบโตจึงไม่ได้สูงขนาดนั้น เบี้ยประกันที่แท้จริงเกือบจะซบเซา โดยขยับขึ้นเพียง 0.7% ตั้งแต่ปี 2563 ในขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆทั้งตลาดเดิมและตลาดเกิดใหม่ขยายตัวลดลง และอุตสาหกรรมประกันทั่วโลกยังคงถูกครอบงำโดยสหรัฐอเมริกา ในความเป็นจริง ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตลาดประกันของสหรัฐฯ มีส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกสูงขึ้นจากเดิมที่ 41.3% ไปเป็น 44.2% ขณะที่ ยุโรปตะวันตก -6.7% และญี่ปุ่น -2.8% ส่วนจีนมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น 10.6%
สำหรับตลาดประกันภัยในประเทศไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 โดยรายได้จากเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้น 3.7% เป็น 2.44 หมื่นล้านยูโร ทั้งประกันชีวิตและประกันทรัพย์สิน/วินาศภัย มีส่วนช่วยให้เกิดการเติบโตนี้ โดยประกันชีวิตเติบโตที่ 3.1% (กลับมาเติบโตอีกครั้งหลังจากลดลงเล็กน้อย 0.6% ในปี 2565)และประกันทรัพย์สิน/วินาศภัยอยู่ที่ 3.6% อย่างไรก็ตามกลุ่มประกันสุขภาพเติบโตมากที่สุดที่ 6.6% ในปี 2566แต่ด้วยส่วนแบ่งตลาด 14% ในเบี้ยประกันภัยรวม สุขภาพยังคงเป็นกลุ่มที่เล็กที่สุด ในทศวรรษหน้า เราคาดว่าตลาดไทยจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 5.0% ต่อปี
ทั้งนี้ เนื่องจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก เงื่อนไขและข้อจำกัดในการรับประกันเป็นเรื่องที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในธุรกิจ มาตรการป้องกันความเสี่ยง เทคโนโลยีใหม่ และความร่วมมือกันของภาคส่วนต่างๆ อาจจะช่วยเปลี่ยนข้อจำกัดในการรับประกันได้ นอกจากนี้ธุรกิจยังต้องให้ความสำคัญกับข้อจำกัดในการรับประกัน การใช้ราคาที่ต่ำเกินจริงและไม่ครอบคลุมความเสี่ยง ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดรับความเสี่ยงที่มากเกินไปและจำนวนการสูญเสียที่มากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมประกันภัยยังสามารถรักษาสมดุลระหว่างความสามารถในการจ่ายและการประกันภัย หรือระหว่างการใช้ชีวิตในปัจจุบันและความยั่งยืนของชีวิตได้ แต่อาจต้องสูญเสียบางอย่างและอาจมีต้นทุน และการควบคุมวิกฤตสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงประเด็นเกี่ยวกับการเมืองและเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคลด้วย
บทวิเคราะห์ดังกล่าว ยังระบุอีกว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมในระดับพื้นฐาน ตั้งแต่โมเดลธุรกิจไปจนถึงห่วงโซ่ทั้งหมดของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่อุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาข้อมูลพื้นฐานจาก AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมประกัน ทำให้ความเชี่ยวชาญด้าน AI กลายเป็นปัจจัยสำคัญของการแข่งขันที่สำคัญในอนาคต การนำ GenAI มาใช้มีศักยภาพในการประหยัดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพอย่างก้าวกระโดด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี