นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือAOT เปิดเผยว่า จากการเรียกพื้นที่คืนจากคู่สัญญาร้านค้าปลอดอาการ และมติคณะรัฐมนตรี ที่ยกเลิกร้านค้าปลอดอากรขาเข้า จะทำให้รายได้ของ AOTในส่วนของ (Non Air) หายไปประมาณ 1 พันล้านบาทอย่างไรก็ตามเมื่อพัฒนาท่าอากาศยาน ทั้ง 6 แห่งที่ AOT ดูแลอยู่ให้ดีขึ้นจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นตามมา ซึ่งจะมีรายได้เข้ามาชดเชยในส่วนที่หายไปและกรณีที่กรมธนาคารรักษ์มีนโยบายที่จะขึ้นค่าเช่า บริษัทฯก็ต้องเข้าไปเจรจาต่อรอง โดยรายได้รวม 6 เดือนแรก AOT ทำรายได้แล้วเกิน30,000 ล้านบาท ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าในอีก6 เดือนถัดไปคาดว่าตัวเลขรายได้จะไปในทิศทางค่อนข้างดี และสามารถทำกำไรได้ตามที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ AOT กำลังขอคืนพื้นที่จากคิง เพาเวอร์และส่วนราชการบางส่วน ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และภูเก็ต รวมกว่า 1,000 ตารางเมตรโดยการดำเนินการทั้งหมดเป็นการดำเนินการตามสัญญาโดยตรง และโครงการพัฒนาพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีมติเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนกรณี หยุดการขายดิวตี้ฟรี ขาเข้า AOT 1 ปี บริษัทฯจะใช้พื้นที่คืนสำหรับนำไปปรับปรุงพื้นที่สำหรับการให้บริการผู้โดยสาร โดยพื้นที่ผู้โดยสารขาเข้าไม่ค่อยมีพื้นที่เยอะ และพื้นที่รวมแค่ 10% ของในสัญญาทั้งหมดเท่านั้น ดังนั้น การที่ยุติการขายสินค้าปลอดภาษี 1 ปี ในพื้นที่ดิวตี้ฟรีขาเข้า ไม่กังวลว่าจะเป็นการกระทบรายได้ของบริษัทฯมากนักเพราะรายได้เชิงพาณิชย์ตรงนี้ไม่ใช่รายได้ทั้งหมดของ ทอท. โดยรายได้จะมาจากการใช้บริการของผู้โดยสาร อย่างไรก็ตาม ทาง AOT ต้องรอทางศุลกากรแจ้งกำหนดการอีกครั้งก่อน AOT จึงจะสามารถวิเคราะห์เรื่องของรายได้ที่ชัดเจนและสามารถเริ่มแผนนี้ได้เมื่อไหร่อีกที ส่วนงบเตรียมปรับพื้นที่เพื่อเพิ่มความสะดวกผู้ใช้บริการเบื้องต้นประมาณ 100 ล้านบาท
นายกีรติ กล่าวอีกว่า ปี 2567 อุตสาหกรรมการบินเริ่มฟื้นตัวแล้ว โดย AOT คาดทั้งปีนี้ จะมีผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการท่าอากาศยานทั้ง6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.)ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต(ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) รวม 120 ล้านคน ซึ่งครึ่งปีแรกมียอดแล้วกว่า80 ล้านคน โดยตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย AOT ตั้งเป้าไว้ที่ 40 ล้านคนและจากตัวเลขที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า จนถึงสิ้นปี 2567 บริษัทฯทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้แน่นอน
“โดยเฉลี่ยการมาเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวจากฝั่งทวีปอเมริกาและทวีปยุโรปปี 2567 สูงกว่าปี 2562 แล้ว และนักท่องเที่ยวจีน ยังคงเป็นตลาดสำคัญในการรองรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวสามารถกลับมาปี 2568 จำนวน 140 คนเท่ากับปี 2562 และ ในอีก 5 ปี(ปี 2572) คาดว่ามีผู้โดยสารประมาณ 170 ล้านคนและมีเที่ยวบินประมาณ 1 ล้านเที่ยวบิน และในอีก 10 ปี (ปี 2577) คาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 210 ล้านคน และมีเที่ยวบินประมาณ 1.2 ล้านเที่ยวบิน”
นอกจากนี้ บริษัทฯจะมุ่งสร้างรายได้ต่อไปจะเน้นไปในการพัฒนาพื้นที่ที่มีอยู่ประมาณ 700 กว่าไร่ ให้เกิดประโยชน์ในอนาคตจะมีใช้พื้นที่ Airport City พัฒนาเป็นศูนย์ประชุม, โรงแรม และสำหรับเชิงพาณิชย์ต่างๆ ซึ่งทุกอย่างจะเป็นการเน้นประโยชน์ของผู้โดยสารเป็นหลัก สำหรับพื้นที่ Airport City คาดว่าจะเปิดประมูลและหาผู้ร่วมลงทุนได้ปลายปีนี้ ซึ่งยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี