นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.)ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า แนวโน้มค่าไฟงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2567 มีแนวโน้มปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร(ค่าเอฟที) ขึ้นในระดับ 46.83-182.99 สตางค์ต่อหน่วยเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.7833 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บในงวดปลายปี เพิ่มเป็น 4.65-6.01 บาทต่อหน่วยจากงวดก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย
ปัจจัยผลักดันต้นทุนค่าไฟมาจาก 3 สาเหตุหลักคือ 1.แนวโน้มค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงจากงวดก่อนหน้า (พฤษภาคม-สิงหาคม2567) 1.29 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เป็น 36.63 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ผลจากการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศและต่างประเทศตลอดจนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินแม่เมาะซึ่งมีต้นทุนราคาถูกมีความพร้อมในการผลิตลดลง 2.สถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติเหลวแบบสัญญาจร (แอลเอ็นจีสปอต) ในตลาดโลกเพิ่มเป็น13.58 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู จาก 10.38 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ตามสถานการณ์ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวในปลายปี และ3.ต้องทยอยคืนหนี้ค่าเชื้อเพลิงค้างชำระของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) วงเงิน 98,000 ล้านบาทและมูลค่าส่วนต่างราคาก๊าซที่เกิดขึ้นจริงกับราคาก๊าซที่เรียกเก็บเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อตรึงค่าไฟไว้ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย หรือ AFGAS วงเงิน 15,083.79 ล้านบาท
แนวโน้มค่าไฟงวดใหม่แบ่งเป็น 3 กรณี กรณีที่ 1 ผลการคำนวณตามสูตรการปรับค่าไฟผันแปรอัตโนมัติหรือ เอฟที จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างทั้งหมด ค่าเอฟที ขายปลีก 222.71 สตางค์ต่อหน่วยเป็นการเรียกเก็บตามผลการคำนวณตามสูตรการปรับค่าเอฟทีที่สะท้อนแนวโน้มต้นทุนเดือนกันยายน-ธันวาคม 2567 จำนวน 34.30 สตางค์ต่อหน่วย และเงินเรียกเก็บเพื่อคืนหนี้ กฟผ.ทั้งหมด 98,495 ล้านบาทหรือคิดเป็น 163.39 สตางค์ต่อหน่วย และมูลค่า AFGAS จำนวน 15,083.79 ล้านบาท หรือคิดเป็น25.02 สตางค์ต่อหน่วย รวมทั้งสิ้น 188.41 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมค่าเอฟทีขายปลีกที่คำนวณได้กับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มเป็น 6.01 บาทต่อหน่วย โดยค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศจะเพิ่มขึ้น 44%
กรณีที่ 2 กรณีจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างใน 3 งวด ค่าเอฟทีขายปลีก 113.78 สตางค์ต่อหน่วยสะท้อนแนวโน้มต้นทุนเดือนกันยายน-ธันวาคม 2567จำนวน 34.30 สตางค์ต่อหน่วย และทยอยชำระคืนภาระต้นทุนคงค้างที่ กฟผ. กู้เงินมาเพื่อตรึงค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือนกันยายน 2564-เมษายน 2567 ออกเป็น 3 งวด งวดละจำนวน 32,832 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54.46 สตางค์ต่อหน่วย และมูลค่า AFGAS จำนวน15,083.79 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25.02 สตางค์ต่อหน่วยรวมทั้งสิ้น 79.48 สตางค์ต่อหน่วย คาดว่า ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 จะมีภาระต้นทุนคงค้างที่ กฟผ. รับภาระแทนประชาชนคงเหลืออยู่ที่ 65,663 ล้านบาททั้งนี้เมื่อรวมค่าเอฟทีขายปลีกกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มเป็น 4.92 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 18% จากงวดปัจจุบัน
กรณีที่ 3 กรณีจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างใน 6 งวด ค่าเอฟทีขายปลีก เท่ากับ 86.55 สตางค์ต่อหน่วย สะท้อนแนวโน้มต้นทุนเดือนกันยายน- ธันวาคม 2567 จำนวน 34.30 สตางค์ต่อหน่วย และทยอยชำระคืนภาระต้นทุนคงค้างที่ กฟผ. กู้เงินมาเพื่อตรึงค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือนกันยายน 2564-เมษายน 2567 ออกเป็น 6 งวด งวดละจำนวน 16,416 ล้านบาทหรือคิดเป็น 27.23 สตางค์ต่อหน่วย และมูลค่า AFGAS จำนวน 15,083.79 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25.02 สตางค์ต่อหน่วย รวมทั้งสิ้นเท่ากับ 52.25 สตางค์ต่อหน่วย คาดว่า ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567จะมีภาระต้นทุนคงค้างที่ กฟผ. รับภาระแทนประชาชนคงเหลืออยู่ที่ 82,079 ล้านบาท เมื่อรวมค่า Ft ขายปลีกกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.65บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 11% จากงวดปัจจุบัน
กกพ.จะนำ 3 แนวทาง รับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 12-26กรกฎาคม 2567 ก่อนที่จะสรุปและประกาศอย่างเป็นทางการวันที่ 1 กันยายน 2567
“หากรัฐบาล มีนโยบายตรึงราคาค่าไฟไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย รัฐบาลต้องใช้เงินเข้าอุดหนุนขั้นต่ำกว่า 28,000 ล้านบาท กรณีนี้หากให้กฟผ.เข้ารับภาระจะทำให้หนี้กฟผ.กลับไปทะลุ 100,000 ล้านบาท อาจกระทบกับสภาพคล่องกฟผ.ได้”นายพูลพัฒน์กล่าว
จากสถานการณ์ค่าไฟที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทั้งจากต้นทุนพลังงานและภาระหนี้สินที่ต้องชดใช้ สำนักงานกกพ.จะเร่งรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดไฟฟ้าเพราะพบว่ากลุ่มเปราะบางที่ได้รับการสนับสนุนค่าไฟในระดับ 3.99 บาทต่อหน่วย มีปริมาณการใช้ไฟค่อนข้างสูง สำนักงานกกพ.จึงต้องการให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มนี้มีการประหยัดพลังงานมากขึ้น” นายพูลพัฒน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี