นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯได้ติดตามแนวโน้มการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ เพื่อวิเคราะห์ทิศทางการเติบโตของธุรกิจในประเทศ ประกอบกับนำข้อมูลการนำส่งงบการเงินประจำปี 2566 (ข้อมูล ณ 30 มิถุนายน 2567) มาวิเคราะห์ พบว่า ธุรกิจติดเทรนด์ที่มีการจัดตั้งเพิ่มขึ้นและยังทำรายได้ดี คือ อันดับที่ 1 ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ มอเตอร์และอุปกรณ์ยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งผลิตแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีธุรกิจ 885 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 91 ราย เพิ่มขึ้น 42.19% จากปี 2565 โดยปี 2566 สร้างรายได้ 2.09 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.27% จากปี 2565 เป็นการเติบโตตามกระแสในการหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
อันดับที่ 2 ธุรกิจท่องเที่ยว มีธุรกิจ 53,696 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 7,402 ราย เพิ่มขึ้น 41.69% จากปี 2565 โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.85 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้น 36.32% จากปี 2565 สอดรับกับยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นในปี 2566 ที่มีจำนวนกว่า 28 ล้านคน (ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) จึงส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องตามไปด้วย อาทิ โรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด นำเที่ยว ขายปลีกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และร้านอาหาร
อันดับที่ 3 ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า มีธุรกิจ 8,233 รายปี 2566 มีการจัดตั้ง 601 ราย เพิ่มขึ้น 3.98% จากปี 2565 โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.65 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้น 1.09% จากปี 2565 โดยธุรกิจนี้ผลิตและจำหน่ายสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และผู้บริโภคต้องการใช้เครื่องไฟฟ้ามากขึ้น อาทิ ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ร้านขายปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน
อันดับที่ 4 ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ขายอาหาร อุปกรณ์และดูแลสัตว์ มีธุรกิจ 5,009 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง785 ราย เพิ่มขึ้น 10.25% จากปี 2565 โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.26 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.80%จากปี 2565 ธุรกิจสัตว์เลี้ยงเติบโตขึ้นเพราะผู้บริโภคหันมาเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นเพื่อนคลายเหงา และผู้บริโภคมีทางเลือกในการจับจ่ายมากขึ้น เพราะสินค้ามีความหลากหลาย อาทิ การทำฟาร์มสัตว์ อาหารสำเร็จรูปสำหรับสัตว์เลี้ยง ขายส่งอาหารสัตว์ ขายสัตว์เลี้ยง การดูแลสัตว์
อันดับที่ 5 ธุรกิจจัดกิจกรรม งานประชุม นิทรรศการ อีเว้นท์ มีธุรกิจ 22,192 ราย ปี 2566มีการจัดตั้ง 2,286 ราย เพิ่มขึ้น 18.02% จากปี 2565 โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.22 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.90% จากปี 2565 ธุรกิจนี้เติบโตสอดรับการขยายตัวของการท่องเที่ยว อาทิ ธุรกิจจัดเลี้ยง โฆษณา ถ่ายภาพ จัดประชุม/แสดงสินค้า
อันดับที่ 6 ธุรกิจ e-Commerce มีธุรกิจ 7,962 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 1,713 ราย เพิ่มขึ้น 17.41% จากปี 2565 โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.18 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.12% จากปี 2565 ซึ่งธุรกิจนี้ในไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ได้สะดวก มีโอกาสได้เลือกสินค้าหลากหลายและใช้เวลาในการตัดสินใจได้ อาทิ การขายปลีกทางอินเตอร์เนต
อันดับที่ 7 ธุรกิจเครื่องสำอาง มีธุรกิจ 10,320 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 1,267 ราย ลดลง 6.63% จากปี 2565 โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.16 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.99% จากปี 2565 สอดรับกับแนวคิดของคนยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลบุคลิกภาพของตัวเอง และเครื่องสำอางมีความหลากหลาย มีการแข่งขันที่สูงขึ้นด้วยการนำนวัตกรรมต่างๆ มาช่วยในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพมากขึ้น อาทิ ธุรกิจขายปลีก/ส่งเครื่องสำอาง
อันดับที่ 8 ธุรกิจสุขภาพ มีธุรกิจ 9,761 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 1,670 ราย เพิ่มขึ้น 24.91% จากปี 2565 โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.07 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.94% จากปี 2565 หลังโควิด-19 ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพส่งผลให้ธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพเติบโตขึ้นไปด้วย อาทิโรงพยาบาลเฉพาะทาง ทันตกรรม กายภาพบำบัด ฟิตเนส สปา
อันดับที่ 9 ธุรกิจของเล่น มีธุรกิจ 1,087 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 120 ราย เพิ่มขึ้น 69.01% จากปี 2565 โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.02 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.57% จากปี 2565 โดย Art Toy เป็นส่วนสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับธุรกิจนี้ และเป็นสินค้าที่มีกระแสนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ ตุ๊กตา เกมและของเล่นอื่นๆ ทั้งขายส่งและขายปลีก
อันดับที่ 10 ธุรกิจความเชื่อและศรัทธา มีธุรกิจ 151 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 33 ราย เพิ่มขึ้น 37.50% จากปี 2565 โดยปี 2566 สร้างรายได้ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.92% จากปี 2565 เป็นความเชื่อความศรัทธาของแต่ละบุคคลที่สามารถนำมาสร้างเป็นธุรกิจได้ และที่ผ่านมาธุรกิจสายมูเตลูเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมของคนรุ่นใหม่ ทั้งการใช้สินค้าที่เกี่ยวกับความเชื่อ และยังเชื่อมโยงไปถึงการท่องเที่ยวในแหล่งที่เป็นความเชื่อได้อีกด้วย อาทิ การดูดวง ดูฮวงจุ้ย กำหนดฤกษ์
“นอกจากธุรกิจทั้ง 10 อันดับ ที่ติดเทรนด์ได้รับความนิยมแล้ว ยังมีกลุ่มธุรกิจที่น่าจับตามองและมีผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีก โดยกรมฯจะติดตามการเปลี่ยนแปลงของภาคธุรกิจไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อวิเคราะห์และเป็นข้อมูลเชิงลึกให้ธุรกิจหรือนักลงทุนได้รู้ พร้อมนำไปปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที”นางอรมน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี