นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยหลังการหารือกับ นายอู คุน เทียน หม่อง รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์รัฐฉาน พลจัตวา จ่อว์ เท็ด ผบ.ภาคสามเหลี่ยม นายอู ไซ เลต รัฐมนตรีด้านทรัพยากรธรรมชาติของคณะผู้บริหารรัฐฉาน และคณะ ว่าได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย ให้มาติดตามสถานการณ์การค้าเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างไทย - เมียนมา โดยเริ่มต้นที่รัฐฉานซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบสินค้าที่สำคัญเข้าสู่ไทย โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ทั้งนี้ได้หารือถึงแนวทางความร่วมมือระหว่างกันในประเด็นการส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5ข้ามพรมแดน และส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงการค้าชายแดนระหว่างกันให้มากขึ้น
ไทยและเมียนมาจะร่วมมือกันแก้ไขปัญหา โดยไทยได้เสนอแนวทางบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐโดยมีกรมการค้าต่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองย่างกุ้งกรมปศุสัตว์ กรมวิชาการเกษตร กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมควบคุมมลพิษ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ที่พร้อมจะทำงานร่วมกัน จากการหารือในครั้งนี้ทั้งสองประเทศเห็นพ้องกัน และรัฐฉานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยไทยจะได้ติดตามผลในอีก 3 เดือนข้างหน้า
โดยพื้นที่ทำการเกษตรของเมียนมามีประมาณ 80 ล้านไร่ อยู่ในรัฐฉานประมาณ 7.6 ล้านไร่ คิดเป็น 9% ของพื้นที่ทำการเกษตรเมียนมา เป็นการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 3 ล้านไร่ หรือ 40% ของพื้นที่เกษตรทั้งหมดของรัฐฉาน สำหรับสถานการณ์การค้าชายแดนไทย - เมียนมา ในปี 2567 (มกราคม-พฤษภาคม) ไทยนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1.09 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566(นำเข้า 0.77 ล้านตัน) โดยนำเข้าจากเมียนมาเป็นอันดับหนึ่ง ปริมาณ 0.91 ล้านตัน(82.80%) รองลงมา ได้แก่ สปป. ลาว 0.18 ล้านตัน (16.84%) และกัมพูชา 0.004ล้านตัน (0.37%)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี