ll ดูเหมือนกระทรวงพลังงาน....กำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหาทางไม่ให้ค่าไฟฟ้ารอบเดือน ก.ย.-ธ.ค. นี้สูงเกินกว่าที่ประชาชนจะรับไหว...ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้มีการหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานในกำกับดูแลของกระทรวงพลังงานซึ่งประกอบด้วย ทั้ง ปลัดกระทรวงพลังงานและประธานบอร์ดกฟผ. คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) บมจ.ปตท. จำกัด(มหาชน) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)...ซึ่งในการนี้ รมว.พลังงานได้มอบให้ กกพ. พิจารณาทบทวนโครงสร้างต้นทุนสำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) ใหม่ เนื่องจากในการเจรจาหาแนวทางร่วมกับ กฟผ.และ ปตท.เพื่อตรึงค่าไฟฟ้าในครั้งนี้ทาง ปตท.จะยังไม่รับชำระค่าใช้จ่ายในงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.2567 ส่วน กฟผ.จะรับรายได้เพียง 0.05 บาทต่อหน่วย จึงทำให้สามารถตรึงราคาค่าไฟฟ้าไว้ได้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย สำหรับงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2567....โดยกระทรวงพลังงานเตรียมจะนำเสนอแนวทางการตรึงค่าไฟฟ้าในระดับ 4.18 บาทต่อหน่วย ภายใต้แนวทางการบริหารจัดการภาระค่าเชื้อเพลิงร่วมกับ กฟผ. และ ปตท.เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 23 ก.ค.ที่จะถึงนี้... สำหรับภาระต้นทุนคงค้าง (AF) ที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. มียอดสะสมอยู่จำนวน 98,495 ล้านบาท (หรือคิดเป็น 163.39 สตางค์ต่อหน่วย) และมูลค่าต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่เกิดขึ้นจริง หรือ AFGAS ที่ทั้ง กฟผ.และ ปตท.ร่วมกันแบกภาระจำนวน 15,083.79 ล้านบาท (หรือคิดเป็น 25.02 สตางค์ต่อหน่วย) รวมทั้งสิ้นจำนวน 188.41 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งในภาระดังกล่าวเมื่อไม่ได้รับการทยอยจ่ายคืนตามข้อเสนอรับฟังความคิดเห็นของ กกพ. ที่มี 3 ทางเลือก คือ 1.ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าจาก 4.18 บาทต่อหน่วยเป็น 4.65 บาทต่อหน่วย 2.ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าจาก 4.18 บาทต่อหน่วยเป็น 4.92 บาทต่อหน่วย และ 3.ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าจาก 4.18 บาทต่อหน่วยเป็น 6.01 บาทต่อหน่วย....ก็จะถูกยกยอดไปคิดในการคำนวณค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2568.... ดังนั้นแนวทางการตรึงราคาค่าไฟฟ้างวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2567 จึงเป็นเพียงการยกยอดภาระในงวดนี้ไปจ่ายงวดหน้า ซึ่งในที่สุดประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าก็จะต้องเป็นผู้ทยอยจ่ายคืนทั้งหมดบวกด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ทาง กฟผ.ไปกู้สถาบันการเงินมาเพื่อให้มีสภาพคล่องในการรับภาระแทนประชาชนเอาไว้ก่อน...
ll เมื่อเร็วๆ นี้...ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.)....มีมติปรับลดเงินชดเชยราคาน้ำมันดีเซลลงจาก 1.56 บาทต่อลิตรเหลือ 1.06 บาทต่อลิตร เพื่อลดภาระกองทุนฯลง...และได้มีมติเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ เพื่อส่งเข้ากองทุนฯ มากขึ้นอีก 30 สตางค์ต่อลิตร...ล่าสุดได้เรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 เพื่อส่งเข้ากองทุนฯ เพิ่มเป็น 10.28 บาทต่อลิตร จากเดิมเรียกเก็บ 9.98 บาทต่อลิตร, เก็บเงินผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เพิ่มเป็น 3.70 บาทต่อลิตร จากเดิมเก็บอยู่ 3.40 บาทต่อลิตร, เรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เพิ่มเป็น 1.71 บาทต่อลิตร จากเดิมเก็บอยู่ 1.41 บาทต่อลิตร,เรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เพิ่มขึ้นเป็น 1.06 บาทต่อลิตร จากเดิมเรียกเก็บ 0.76 บาทต่อลิตร...!! กองทุนน้ำมันฯ กำลังอยู่ในสถานะที่การเงินติดลบสูง และต้องรีบเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ให้มากขึ้น เพื่อชำระหนี้เงินต้นก้อนแรก 30,000 ล้านบาทคืนให้สถาบันการเงินในเดือน พ.ย. 2567 นี้ ประกอบกับมาตรการปรับขึ้นราคาดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ก.ค. 2567 นี้ หากไม่มีการต่ออายุมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาดีเซลกลับมาอยู่ที่ราคาไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งหมายความว่ากองทุนฯ จะต้องนำเงินเข้าไปชดเชยราคาดีเซลเพิ่มมากขึ้นอีก ดังนั้นกองทุนฯ จึงต้องเร่งเก็บเงินเข้ามาเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ดังกล่าวที่จะถึงนี้...สำหรับฐานะเงินกองทุนฯ ล่าสุด ณ วันที่ 14 ก.ค. 2567 ที่รายงานโดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) พบว่า เงินกองทุนน้ำมันฯ ติดลบรวม -111,855 ล้านบาท โดยมาจากบัญชีน้ำมันติดลบรวม -64,252 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบรวม -47,603 ล้านบาท...!! การที่กองทุนฯ ยังคงชดเชยราคาดีเซลอยู่ 1.06 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาจำหน่ายดีเซลอยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร...ดั้งนั้นถ้าไม่ชดเชยจะส่งผลให้ราคาดีเซลแท้จริงจะอยู่ที่ประมาณ 34 บาทต่อลิตร และก่อนถึงวันที่ 31 ก.ค. 2567 ที่มาตรการตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดลง ทาง กบน. จะต้องหารือกันเพื่อเสนอแนวทางดูแลราคาดีเซลต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไป...
ll Jobsdb by SEEK แพลตฟอร์มหางานออนไลน์ของประเทศไทย เตรียมจัดบูธกิจกรรม Energy Job Fair ตลาดหางานสำหรับคนทำงานด้านพลังงาน (Energy) โดยรวบรวมตำแหน่งงานด้าน Energy และ Technology กว่า 5,000ตำแหน่ง ไว้ภายในงาน Sustain Asia Week 2024มหกรรมเพื่อความยั่งยืนของโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียซึ่งจะจัดขึ้นที่ไบเทคบางนา ในวันที่ 15-17 สิงหาคม 2567 นี้...พร้อมด้วยการเปิดโซนให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรซูเม่ ให้การเขียนเรซูเม่ ให้มีประสิทธิภาพ และโดดเด่นตรงใจผู้จ้างงาน เพิ่มโอกาสในการหางานยิ่งขึ้นในโซน “Resume clinic” พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการสมัครงานจาก Jobsdb by SEEK มาช่วยรีวิวให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรซูเม่ โดยเฉพาะสำหรับคนในสายงานเทคโนโลยี พลังงาน และความยั่งยืน...
ll บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR...ยังคงเดินหน้าเพิ่มรายได้จากธุรกิจกลุ่ม non oilอย่างต่อเนื่อง...ล่าสุด บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด หรือ ORHW ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ OR ร่วมเปิดตัว found & found ร้านค้าปลีกด้านสินค้าสุขภาพและความงาม...ก็เร่งขยายสาขาในสถานีบริการ PTT Station โดยมีแผนจะเปิดให้บริการครบ 10 สาขา ภายในปี 2567 และขยายเป็น500 สาขา ภายในปี 2573...ll
กระบองเพชร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี