มินิ ประเทศไทย เผยโฉม มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ยานยนต์ไฟฟ้า 100% มาพร้อมเทคโนโลยีแห่งอนาคต ด้วยประสบการณ์การขับขี่ในรูปแบบ “Electrified Go-Kart”รูปลักษณ์ใหม่ในแบบมินิมอลสุดล้ำ พร้อมการพัฒนาอย่างรอบด้าน ด้วยการดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของมินิไว้อย่างครบถ้วน

มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 5 ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า3 ประตู ที่ยังคงความเร้าใจในแบบโกคาร์ท ตัวถังได้รับการออกแบบมาสำหรับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ ด้านหน้าโดดเด่นด้วยไฟหน้าทรงกลม พร้อมโหมดไฟซิกเนเจอร์ มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ Classic, Favoured และ JCW กระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยม ที่ขับเน้นความสปอร์ตจากกรอบสีเงิน Vibrant Silver ด้านท้ายสวยสะอาดตา มีสัดส่วนและเส้นสายของตัวรถที่ดูทรงพลัง คาดกลางด้วยแถบสีดำแนวนอนบริเวณกึ่งกลางฝากระโปรงท้าย และล้ออะลูมิเนียมรีไซเคิล มาพร้อมชุดแต่ง Favoured Trim เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยล้อขนาด 18 นิ้ว แบบ Slide spoke ดีไซน์ทูโทน

ห้องโดยสารดีไซน์เรียบง่าย โดยแผงหน้าปัด แผงประตู และฝาปิดช่องเก็บของต่างๆ ภายในรถ ผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 90% เบาะนั่งสไตล์ Vescin สีน้ำเงิน Nightshade ซึ่งเป็นวัสดุหนังสังเคราะห์ที่นำมาใช้แทนหนัง แผงคอนโซลหุ้มด้วยผ้าถักลายตารางแบบทูโทน กล่องเก็บของบุด้วยผ้าถักจากวัสดุพิเศษ พร้อมสายผ้าสำหรับใช้ช่วยเปิดที่เก็บของ

สำหรับฟีเจอร์ที่โดดเด่นในห้องโดยสาร สะท้อนตัวตนของมินิเวอร์ชั่นต้นตำรับ คือ หน้าจอ MINI InteractionUnit ทรงกลมขนาดใหญ่ ที่แผงคอนโซลด้านหน้า เป็นจอแสดงผล OLED ความละเอียดสูงเป็นครั้งแรกของวงการยานยนต์ โดยส่วนบนของหน้าจอ จะเป็นพื้นที่แสดงข้อมูลสำคัญของตัวรถ เช่น ความเร็วรถและสถานะแบตเตอรี่ขณะที่ส่วนที่เหลือของจอแสดงผลทรงกลม สามารถปรับเปลี่ยนให้แสดงข้อมูลการนำทาง เพลงและความบันเทิงอื่นๆ รวมถึงฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อต่างๆ

หน้าจอ MINI Interaction Unit เป็นหัวใจสำคัญของโหมดการใช้งาน MINI Experience ฟีเจอร์ใหม่ 7 โหมด ได้แก่ โหมดมาตรฐาน “Core Mode”, Comfort Mode,“Go-Kart Mode” จะเปลี่ยนชุดสีหน้าจอเป็นสีดำ Anthracite ผสมกับสีแดง และระบบไฟ ambient light สีแดง เติมความดุดันให้เข้ากับการขับขี่ในแบบสปอร์ต ด้วยเสียงเครื่องยนต์จากรุ่นจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ และ “Green Mode” โหมดการขับขี่แบบ มีประสิทธิภาพที่สุด เพิ่มระยะทางการขับขี่สูงสุด นอกเหนือจากนี้ ยังมี 4 โหมด ที่มาพร้อมกับบุคลิกและลูกเล่นที่โดดเด่นมากขึ้น “Vivid Mode”, “Personal Mode”, “TimelessMode” และ “Balance Mode”

ขณะที่ด้านล่างของหน้าจอ MINI Interaction Unit ซึ่งติดตั้งอยู่บนคอนโซลด้านหน้า แผงควบคุม Toggle Bar ดีไซน์ใหม่ ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงฟังก์ชั่นต่างๆ ทั้งเบรกมือ สวิตช์เลือกเกียร์ สวิตช์หมุนสตาร์ท/ดับเครื่อง สวิตช์สลับโหมด MINI Experience หรือ ปุ่มการควบคุมระดับเสียงเพลง

นอกจากนี้ ยังครบครันด้วยบริการด้านดิจิทัล และผู้ช่วยขับขี่อัจฉริยะ MINI Intelligent Personal Assistant ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทย เพียงออกเสียงเรียกว่า “Hey MINI!” หรือ จะเลือกกดปุ่มสั่งการด้วยเสียงบนพวงมาลัย ซึ่งนอกจากแค่การรับคำสั่ง MINI Intelligent Personal Assistant ยังสามารถปรากฏตัว ทักทายบนหน้าจอ MINI Interaction Unit ในรูปของรถ “MINI” ที่เป็นหน้าตาแบบมาตรฐาน หรือ อาจเลือกอัปเกรดผ่านแพ็กเกจ MINI Connected ให้เป็นน้องหมา “Spike” ที่แฟนๆ ต้องหลงรักก็ได้

มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ มาพร้อมขุมพลังระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด กำลัง 160 กิโลวัตต์ / 218 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 6.7 วินาที ทำงานผสานกับช่วงล่างที่ปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมที่คล่องตัวจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ฐานล้อที่ยาวขึ้น และขยับไปชิดมุมรถทั้ง 4 ด้าน (Short overhang)คงไว้ซึ่งสไตล์การขับขี่แบบโกคาร์ทแบตเตอรี่แรงดันสูง 54.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ระยะการเดินทางสูงสุด 402 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP รวมถึง การติดตั้งแบตเตอรี่ในพื้นรถ ทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำส่งผลให้รถมีความสามารถในการยึดเกาะ และการควบคุมที่ยอดเยี่ยม

แบตเตอรี่รองรับการชาร์จไฟแบบ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ชาร์จไฟแบบ DC ทำได้สูงสุดที่ 95 กิโลวัตต์ โดยในโหมด DC จะสามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% เวลาเพียง 30 นาที นอกจากนี้ แบตเตอรี่รุ่นนี้ ยังรองรับการตั้งค่าการชาร์จต่างๆ เช่น เวลาชาร์จ ระดับแบตเตอรี่ที่ต้องการ และอื่นๆ พร้อมการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่ จากหน้าจอมือถือ ผ่าน MINI App สำหรับราคาจำหน่าย 1,699,000 บาท มาพร้อมแพ็กเกจ MSI Standard