ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหา เสริมขีดความสามารถให้กับประชาชนผ่านการสร้างรายได้ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของกระทรวงพาณิชย์ก่อนเริ่มโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เพิ่มช่องทางการซื้อขาย บรรเทาค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และต้นทุนผู้ประกอบการรายเล็ก และลดภาระค่าครองชีพ

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ช่วยขับเคลื่อนโครงการนี้ ช่วงเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 20 สิงหาคม-20 พฤศจิกายน 2567 แบ่งเป็น 3 โครงการ ดังนี้1.ลดต้นทุนผู้ประกอบการรายเล็กโดยร่วมมือกับภาครัฐทุกกระทรวง ทำการลดค่าเช่าร้านค้า ค่าเช่าแผงตลาดกว่า 30,000 แผง อยู่ในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตลาดในสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) รวมทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์

ส่วนโครงการที่ 2.การจัดตลาดนัดพาณิชย์ทั่วประเทศ 4 รูปแบบ คือ1) โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 76 จังหวัด ร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนจัดหาพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก จำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค จำเป็นในชีวิตประจำวันในราคาถูก อย่างน้อย เดือนละ 1 ครั้ง ทั้ง 76 จังหวัด ระยะเวลา 3 เดือน 2) ตลาดนัดพาณิชย์ขายสินค้าธงฟ้า ช่วยผู้ประกอบการรายเล็กได้ขายสินค้าและให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าราคาถูก กำหนดจัดในสถานที่ต่างๆ เช่น ศาลากลางจังหวัด สถานที่ท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม ปั๊มน้ำมัน มหาวิทยาลัย ลานหน้าห้างค้าส่ง-ปลีก ลานหน้าห้างท้องถิ่น หมู่บ้านจัดสรร 3) ตลาดพาณิชย์บวกธงฟ้า และหอการค้าแฟร์ ซึ่งจะเป็นงานใหญ่ ลดทั้งจังหวัด 4) ตลาดพาณิชย์เคลื่อนที่ บวกรถโมบายธงฟ้า จะส่งเข้าถึงพื้นที่ชุมชนห่างไกลทั่วประเทศ และ 3.ร่วมมือผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่ จัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ ภายใต้ Campaign “ลดกระหน่ำทั้งประเทศ” และในช่วงเทศกาล โดยมีผู้ประกอบการเอกชนพร้อมเข้าร่วมโครงการกับรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเอกชน ให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือประชาชนในช่วงค่าครองชีพแพง