nn ยังจำตลกร้ายที่ล้อเล่นกันมานานหลายปีได้ไหมที่เล่ากันว่า“มีผู้นำประเทศหลายชาติไปพบพระผู้เป็นเจ้า แล้วบอกว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม..เพราะขณะที่ประเทศของพวกเขาต้องเจอแต่ความแห้งแล้ง เจอแต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาหารก็ขาดแคลน ธรรมชาติก็ไม่สวยงาม ฯลฯ...แล้วทำไมประเทศไทย...ถึงได้อุดมสมบูรณ์ พืชพันธุ์ธัญญาหารมากมาย ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว แหล่งธรรมชาติที่สวยงามก็มีมากมาย ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงก็ไม่มี ฯลฯ...พระผู้เป็นเจ้าฟังแล้วก็คิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถูขี้ไคลที่ฝ่าเท้าได้มาก้อนหนึ่งแล้วปั้นเป็นตุ๊กตามนุษย์ตั้งชื่อว่า“นักการเมือง”แล้วโยนลงมาที่ประเทศ จากนั้นผู้นำหลายชาติก็รู้สึกพอใจและไม่บ่นน้อยใจกับพระผู้เป็นเจ้าอีกเลย”...55555
ฟังครั้งแรกก็ได้แต่ขำๆ ไปนะคิดแค่ว่าเป็นแค่เรื่องตลก...แต่พอย้อนกลับไปถึงความก้าวหน้าของประเทศไทย (เอาไม่ไกล 10-20 ปี ก่อนจนมาถึงวันนี้)...ก็ให้รู้สึกว่าทำไมมันดูจะเป็นเรื่องจริงนะ...จำกันได้ช่วงปี 2535 ประเทศไทยเป็นเสือเศรษฐกิจตัวที่ 5 ของเอเชีย...มาถึงวันนี้...อย่าว่าแต่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้...เลยนะ..มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เศรษฐกิจพวกเขาแซงหน้าไทยไปหลายช่วงตัว...เวียดนาม...เคยตามหลังหลายขุม...ถึงตอนนี้อีกไม่นานก็จะมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าไทยแล้ว...ดัชนีตัวอื่นที่สะท้อนความถดถอยของประเทศ...เช่นว่า ดัชนีความเหลื่อมล้ำสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เช่นเดียวกับดัชนีคอร์รัปชั่น ที่พุ่งขึ้นแรงรุนแรงขึ้นทุกปี หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นจนน่าห่วง คุณภาพชีวิตที่ตกต่ำลง คุณภาพด้านการศึกษาโดยรวมของเด็กไทยเกือบรั้งท้ายของอาเซียน ฯลฯ
แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้น???...คำตอบคือ“ก็เพราะเราหยุดอยู่กับที่ ขณะที่คนประเทศอื่นเขาพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง”...เพราะผู้บริหารประเทศของเขามีวิสัยทัศน์ และด้วยระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพทำสามารถดำเนินนโยบายได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้นำพาประเทศไปได้ถูกทาง....ส่วนผู้บริหารของประเทศไทย ซึ่งก็มาจากนักการเมือง
ผ่านระบบการเมืองแบบ Thailand Only …ทำให้คุณภาพของนักการเมืองคุณภาพต่ำและต่ำมาก เพราะมาจากระบบการเมืองที่บิดเบี้ยว....
เห็นชัดเจนที่สุดก็ คือระบบการเมือง ที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญ ปี 2560...รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง(พอเป็นพิธี) ในปี 2562 ผลงานเป็นอย่างไรก็เห็นกันแล้ว...เลือกตั้งอีกครั้งปี 2566...ด้วยความบิดเบี้ยวของกติกา...กว่าจะตั้งรัฐบาล(ไม่ตรงปก)ได้ใช้เวลาเกือบ 5 เดือน...ตั้งรัฐบาลได้บริหารประเทศได้ เกือบ 1 ปี (ขาดไปสิบกว่าวัน)...มีอันต้องให้เปลี่ยนคณะรัฐมนตรีใหม่อีกแล้ว...กว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะต่อรองตำแหน่งกันได้ลงตัว (แล้วก็ไม่รู้จะได้คนที่มีความรู้ความสามารถตรงกับงานที่จะทำหรือเปล่า)...ก็ไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่...วิสัยทัศน์ที่จะแสดงผ่านการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของนายกรัฐมนตรีคนใหม่...ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำให้เกิดความหวัง ความเชื่อมั่นได้แค่ไหน...สรุปว่าไทยเสียเวลาไปปีกว่าๆ หลังจากเลือกตั้งครั้งล่าสุด (2566)
ตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่การเมืองไทย..ที่ไร้เสถียรภาพ...ระบบที่บิดเบี้ยวที่ได้แต่นักการเมืองคุณภาพต่ำ...เศรษฐกิจไทยจึงได้แต่ถอยหลังลงคลองอยู่เช่นนี้...เพราะผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นและขาดรายได้ ฉุดกำลังซื้อต่ำลง การลงทุนโดยตรงของนักลงทุนต่างชาติ (FDI) หยุดชะงักเพราะเขาไม่แน่ใจในการใช้กฎหมายว่าถูกต้องเที่ยงธรรมแค่ไหน ความล่าช้าของงบประมาณทำให้การลงทุนภาครัฐเอกชนไทยไม่ลงทุนเพิ่มทำให้เม็ดเงินหายไปจากระบบ ตลาดทุนเกิดความผันผวน จนเม็ดเงินลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทยไหลออกไปแล้วกว่า 5 แสนล้านบาท
ด้วยเศรษฐกิจที่ย่ำแย่เช่นนี้จะเอาแรงส่งที่ไหนไปขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ โครงสร้างประเทศที่กำลังผุพังอยู่เช่นนี้จะได้รับการกอบกู้ได้อย่างไร...!! คำพูดที่ว่า
“การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” ก็น่าจะไม่ผิดนะ....
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี