นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเปิดงาน “เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทยด้วย Soft Power” ในช่วงการจัดงานเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงพาณิชย์ ครบรอบปีที่ 104 ว่า รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุน Soft Power ให้เป็นกลไกหลักในการช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ เพราะปัจจุบันการค้าไม่ใช่แค่การส่งออกเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความคิดสร้างสรรค์ ความนิยมในอัตลักษณ์ความเป็นไทยและภูมิปัญญา ที่สามารถใช้ในการสร้างรายได้เข้าประเทศได้ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ทำการขับเคลื่อน Soft Power อย่างต่อเนื่อง ให้เป็นอีกแรงหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมีขีดความสามารถในด้านอาหาร และมีร้านอาหาร Thai SELECT เปิดอยู่ทั่วโลก จำนวน 1,600 สาขา ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้บริโภครู้จักข้าวหอมมะลิไทย อาหารไทย ผลไม้ไทย ซึ่งถือเป็น Soft Power ที่มีความโดดเด่น และประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อน และที่ผ่านมาได้มอบนโยบายให้ใช้ร้านอาหาร Thai SELECT เป็นโชว์รูม เพื่อจัดแสดง Soft Power ของไทย ทั้งอาหาร ดนตรี แฟชั่น ซึ่งล่าสุดได้มีการนำร่องไปแล้วหลายแห่ง คาดจะช่วยส่งเสริม Soft Power ของไทยให้เป็นที่รู้จักได้เพิ่มขึ้นอีก

“Soft Power เป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เป็นสิ่งที่แสดงตัวตน แสดงวัฒนธรรมของประเทศ ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมไทย และช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มได้ โดยกระทรวงฯมีการขับเคลื่อน Soft Power ไม่ใช่แค่อาหารไทยร้านอาหารไทย แต่ยังมีภาพยนตร์ เกม การท่องเที่ยวคุณภาพสูง หนังสือ แฟชั่น งานออกแบบ ที่สามารถเปิดตัวออกสู่ตลาดต่างประเทศ และทุกวันนี้กระทรวงฯก็มีการขับเคลื่อนอยู่ตลอด จนสร้างรายได้เข้าประเทศได้อย่างต่อเนื่อง”นายภูมิธรรม กล่าว

ในการขับเคลื่อน Soft Power กระทรวงพาณิชย์มีหลายแนวทางที่จะดำเนินการ โดยจะเน้นใช้กลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ๆ เข้ามาช่วยผลักดัน สิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว เช่น การดึงผู้ผลิตซีรี่ส์วาย ซีรี่ส์ยูริ ให้ใช้สินค้า Soft Power ของไทย เข้าไปอยู่ในซีรี่ส์ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เสื้อผ้า ของใช้ของตกแต่งบ้าน และกำลังจะดึงอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงของจีน มาไลฟ์สดขายสินค้าไทย ซึ่งในนั้นมี Soft Powerทั้งอาหาร ผลไม้ แฟชั่น โดยจะดำเนินการในวันที่ 25 กันยายน 2567

ส่วนการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ในระยะต่อไป จะให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุล ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ต่อไป โดยมีแผนที่จะดูแลสินค้าเกษตร ทั้งพืชหลัก พืชรอง ดูแลผู้ประกอบการให้อยู่ได้ และดูแลผู้บริโภค ให้มีค่าครองชีพที่ถูกลง มีรายได้ที่สูงขึ้น