nn มีนักวิชาการท่านหนึ่งจากสถาบันทางวิชาการชั้นนำของประเทศอย่างสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (TDRI) ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการเมืองไทยที่กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ...โดยยกตัวอย่างของความล่าช้าในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่...โดยตั้งไว้ 3 สมมุติฐาน คือ1.กรณีเลวร้ายสุดที่ตั้งครม.ได้ล่าช้ามาก ทำไม่มีรัฐบาลมาขับเคลื่อนนโยบายเป็นเวลานานย่อมไม่ส่งผลดีกับเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น กลาง ยาว ...ระยะสั้นก็เรื่องของน้ำท่วมที่รัฐบาลไม่สามารถใช้งบกลางช่วยเหลือพี่น้องประชาชน..ระยะกลาง ระยะยาว..ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติก็หดหายเพราะไม่รู้นโยบายใหม่จะไปในทิศทางไหนกันแน่ สมมุติฐานที่ 2. กรณีแบบกลางๆ...คือไม่ได้รัฐบาลไม่ช้ามากนักแต่ มีการเปลี่ยนสลับกระทรวงสลับคนเป็นตำแหน่งรัฐมนตรี(รมต.) ทำให้ รมต. ที่เข้ามาทำงานแต่นโยบายระยะสั้น นโยบายเศรษฐกิจระยะปานกลางและยาวจะไม่ได้รับการขับเคลื่อน และสมมุติฐานที่ 3. กรณีที่ดี คือได้รัฐบาลเร็วเริ่มบริหารประเทศได้ แต่แลกมาด้วยมีปัญหาเรื่องการต่อรองตำแหน่งที่ยึดตามโควตาไม่ยึดที่ความสามารถของคนที่เป็น รมต. ให้ตรงกับกระทรวงที่เป็น สุดท้ายการบริหารประเทศและเศรษฐกิจมีความเสี่ยงด้านประสิทธิภาพ
“สรุปว่าการตั้งรัฐบาลและการบริหารของรัฐบาลใหม่จะปั่นป่วนเพราะเกิดความขัดแย้งในการจัดสรรตำแหน่ง รมต. และยังไม่ร่วมกับนักร้อง ที่จะร้องการที่นายกฯ ขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง และนี่จะเป็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องในอนาคต”
เห็นอย่างนี้แล้วก็หน้าเป็นห่วง...ระหว่างที่นักการเมืองฝั่งรัฐบาลกำลังตบตีแย่งชิงตำแหน่งกันอยู่พี่น้องประชาชนภาคเหนือกำลังทนทุกข์อยู่กับภัยน้ำท่วม แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากทางการ...แล้วปริมาณฝนก็ยังไม่หมดแค่นี้กำลังจะเติมลงมาอีก...แน่ๆ เลยภาคการเกษตรเสียหายแน่ๆไปแล้วหลายพันล้านบาท ใน จ.เชียงราย จ.พะเยา จ.สุโขทัย จ.ลำปาง จ.เพชรบูรณ์ จ.แพร่ จ.น่าน จ.พิษณุโลก และ จ.นครสวรรค์...เมื่อฝนระลอกใหม่จากพายุลูกใหม่ที่จะเข้าไทยแน่ๆ...พื้นที่ภาคกลางจังหวัดอื่นๆ ที่เป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมเช่น จ.พระนครศรีอยุธยา จะรอดได้อย่างไรหากไม่มีรัฐบาลเข้ามาสั่งการหรือบริการจัดการเรื่องน้ำ...หากนิคมอุตสาหกรรมในหลายพื้นที่น้ำเข้าเหมือนปี 2554 ความเสียหายทางเศรษฐกิจก็น่าจะนับแสนล้านบาทเลยทีเดียว
ในระยะกลางระยะยาวคือเรื่องการส่งออกซึ่งคิดเป็นกว่า 60% ของจีดีพีไทย...กำลังต้องเผชิญหลายหลายปัจจัยเสี่ยง ทั้งเรื่องสินค้าไทยที่ไม่มีความสามารถในการแข่งขัน, ปัญหาอุทกภัย จากภาวะลานีญา,เศรษฐกิจโลกชะลอตัว,ปัญหาค่าระวางเรือแพลงและขาดแคลนเรือขนส่งและตู้คอนเทนเนอร์,การถูกสินค้าจีนทุ่มตลาด, การกีดกันทางการค้าที่รุนแรงขึ้น ฯลฯ...ซึ่งเรื่องเล่านี้ล้วนต้องการนโยบายที่ชาญฉลาดและปฏิบัติได้จริงเพื่อเข้ามาเร่งแก้ปัญหา..ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่กำลังจะเกิดแต่เกิดมากว่า 1-2 ปีแล้ว...แต่ยังไม่เห็นแนวนโยบายของรัฐบาลไทยที่จะรับมือปัญหานี้ได้เลย...ดังนั้น หน้าตาของ “ครม.แพทองธาร 1” จึงเป็นเรื่องสำคัญมากนะ...nn
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี