วันนี้ (6 กันยายน 2567) พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการบริหารจัดการพลังงานและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) โดยมี นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง พลโท อภิชาติ ไชยะดา เจ้ากรมการพลังงานทหาร ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และเจ้าหน้าที่ MEA ร่วมให้เกียรติเป็นสักขีพยานในพิธี ณ ห้องศรีสมาน 1 อาคารอเนกประสงค์ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน)
เจ้ากรมการพลังงานทหาร กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลที่ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน มีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593) โดยส่งเสริมสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐมีการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้น และตามเจตนารมณ์ของปลัดกระทรวงกลาโหม ที่มุ่งส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และการใช้พลังงานอย่างประหยัดและคุ้มค่า ก่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน และลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่บรรยากาศ โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วน สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมจึงได้จัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจ วิจัย และพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน ร่วมกับ MEA เพื่อศึกษาแนวทางดำเนินโครงการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งต่อมาปลัดกระทรวงกลาโหมได้อนุมัติให้จัดทำโครงการบริหารจัดการพลังงานและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน)
โครงการนี้ดำเนินการติดตั้งระบบ Solar Rooftop ของอาคารสำนักงานและอาคารเอนกประสงค์ รวมกำลังการผลิตสูงสุด 950 กิโลวัตต์ คาดการณ์ผลประหยัดเฉลี่ย 646,426 บาทต่อปี ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่บรรยากาศได้เฉลี่ย 563.64 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นสักประมาณ 29,547 ต้น ปัจจุบัน MEA ดำเนินการติดตั้งระบบเสร็จเรียบร้อยเมื่อเดือน สิงหาคม ที่ผ่านมา และมีความพร้อมในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมแล้ว การจัดพิธีเปิดโครงการในครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ร่วมมือกันและมีเป้าหมายเดียวกันในการพัฒนาพลังงานสะอาด มุ่งเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และเป็นต้นแบบในการพัฒนาโครงการบริหารจัดการพลังงานสะอาดของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป
รองผู้ว่าการ MEA เปิดเผยว่า ในฐานะที่ MEA เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ดูแลระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐด้านพลังงานหมุนเวียน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา MEA ได้ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสนับสนุนตามนโยบายลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐมีการใช้พลังงานอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพ มีเป้าหมายตามแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี ตามมติคณะรัฐมนตรี กำหนดให้หน่วยงานราชการลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงลงร้อยละ 20 จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับกระทรวงกลาโหมในครั้งนี้ โดยบทบาทของ MEA ครอบคลุมการสำรวจ ออกแบบ ติดตั้ง และบำรุงรักษา มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยสนับสนุนการบริหารจัดการฃพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงการมอนิเตอร์ปริมาณพลังงานจากแสงอาทิตย์ และระบบจำหน่ายของ MEA ผ่านระบบออนไลน์ แบบ Realtime ทั้งหมดนี้ นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญ โดย MEA พร้อมที่จะต่อยอด และขยายผลความร่วมมือในโอกาสต่อไป
สำหรับผู้สนใจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้มาตรฐานสามารถสอบถามรายละเอียดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 รวมถึงแจ้งผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่
- Facebook: การไฟฟ้านครหลวง MEA
- X: @mea_news
- Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ เลือกเมนู ติดต่อ MEA Call Center
#SolarRooftop #โซลาร์เซลล์
#พลังงานทดแทน #ศรีสมาน
#สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
#กระทรวงกลาโหม #กระทรวงมหาดไทย
#MEA #การไฟฟ้านครหลวง
#พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร
ลิงก์ดาวน์โหลดวิดีโอแนะนำโครงการ : https://drive.google.com/file/d/1edEgm5SQXz7DdDMIDz0zIdCkoRx2vfQm/view?usp=sharing
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี