นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า กรอ.ได้เข้าร่วมประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาอันตรายจากพิษเมทานอล(Methanol) โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เช่น กรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมสรรพสามิต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เป็นต้น
โดยที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางการควบคุมการผลิตและจำหน่ายสุราผิดกฎหมาย รวมถึงหาแนวทางการควบคุม กำกับดูแลการผลิตและจำหน่ายสุราผิดกฎหมายหรือสุราปลอมที่อาจมีส่วนผสมของเมทานอล ที่เป็นสารเคมีที่เป็นพิษมาผลิตเป็นสุราปลอม
ทั้งนี้ เมทานอลเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1ที่ กรอ.รับผิดชอบ โดยมีวัตถุประสงค์ในการควบคุมเพื่อนำไปใช้เพื่อการอุตสาหกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ซึ่งผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก และผู้มีไว้ในครอบครอง จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่ กรอ.ประกาศกำหนด เช่นการแจ้งข้อเท็จจริงของการนำเข้าหรือส่งออก(การแจ้งวอ./อก.6) การแจ้งข้อเท็จจริงในการครอบครอง หากมีปริมาณตั้งแต่ 100 กิโลกรัมขึ้นไป (การแจ้ง วอ./อก.7) โดยกำหนดให้แจ้งปีละ 2 ครั้ง การติดฉลากแสดงความเป็นอันตรายและคำเตือนในการใช้งานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เป็นต้น และหากไม่ดำเนินการตามที่ประกาศกำหนด จะมีโทษสูงสุด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยกรมการแพทย์ ได้รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากเมทานอล หลังดื่มสุราปลอมในเขตกรุงเทพฯตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม- 3 กันยายน 2567 ทั้งหมด 44 ราย เสียชีวิต 8 ราย รักษาหายแล้ว 31 ราย และยังอยู่ระหว่างการรักษา 5 ราย และไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เข้ารับการรักษาจากการดื่มสุราปลอมตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2567 เป็นต้นมา
นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดี กรอ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย และกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยการประสานงานเพื่อบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 2/2567 โดยมี นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ รองอัยการสูงสุด เป็นประธานการประชุม พร้อมผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี ดังนี้ 1.กรณี บริษัทวิน โพรเสส จำกัด อ.บ้านค่าย จ.ระยอง โดยล่าสุดศาลจังหวัดระยอง ได้มีคำพิพากษาว่าวิน โพรเสสมีความผิดฐานครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ให้จำเลยทั้ง 3 ชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมควบคุมมลพิษ เป็นเงินจำนวน 1,743.6 ล้านบาท, 2.กรณีบริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด จังหวัดราชบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาการกำกับคดีแพ่งและคดีอาญาในขั้นพนักงานอัยการจังหวัดราชบุรี
3.กรณีโรงงานของบริษัท เอส. ซี. อินดัสทรีจำกัด อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินคดีกับบริษัท ,4.กรณีโรงงานของบริษัท ที เอช เอช โมลีโพรเซสซิ่ง จำกัด อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ล่าสุดศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา พิพากษาให้จำเลยทั้ง 3 ร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายให้แก่โจทย์ทั้ง 4 ได้แก่ โจทก์ที่ 1 (กรมควบคุมมลพิษ) จำนวน 851.5 ล้านบาท โจทก์ที่ 2 (กรมทรัพยากรน้ำบาดาล) จำนวน 553.3 ล้านบาท โจทก์ที่ 3 (กรมชลประทาน) จำนวน 365.6 ล้านบาท โจทก์ที่ 4 (สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) จำนวน 499,130 บาท รวมเป็นเงินกว่า 1,770.97 ล้านบาท
5.ความก้าวหน้าการดำเนินคดีโรงงานของบริษัท เอกอุทัย จำกัด (สาขากลางดง) จังหวัดนครราชสีมา ขณะนี้คดีอาญาอยู่ระหว่างนัดฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดสีคิ้ว ในวันที่ 19 กันยายน 2567 และ 6.กรณีลักลอบทิ้งสารอันตรายในพื้นที่ตำบลดีลัง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการดำเนินการของพนักงานอัยการจังหวัดลพบุรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี