นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) สภาอุตสาหกรรมฯ ได้จัดการประชุมที่ปรึกษาสถาบัน SMI วาระปี 2567-2569 ครั้งที่ 1/2567 มีนายอภิชิต ประสพรัตน์ ประธานสถาบัน SMI เป็นผู้นำการประชุม โดยได้มีการพูดคุยและหารือถึงแนวทางการพัฒนา ส่งเสริม และช่วยเหลือ SME ของประเทศไทยในหลายประเด็นจากคณะที่ปรึกษาสถาบันฯ
สำหรับข้อแนะนำจากคณะที่ปรึกษาสถาบันฯเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนา SME ประกอบด้วยการพัฒนาที่เป็นความต้องการเฉพาะสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมหรือคลัสเตอร์จะทำให้เกิดประสิทธิภาพมากกว่าการให้บริการแบบทั่วไป เพราะความต้องการของแต่ละอุตสาหกรรมแตกต่างกัน รวมถึงแบ่งกลุ่มตามศักยภาพของ
ผู้ประกอบการ เช่น กลุ่มที่เข้มแข็งพร้อมออกตลาดสากล กลุ่มที่เปราะบางไม่สามารถอยู่รอดได้ในอุตสาหกรรม ต้องมีแนวทางให้ปรับตัวหรือปรับรูปแบบธุรกิจ
ทั้งนี้ต้องร่วมกันผลักดันให้ SME มีแต้มต่อจากการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐให้มากขึ้นโดยปัจจุบันมาตรการ Thai SME GP และ Made inThailand รวมกันอยู่ที่ 15% ควรจะต้องร่วมผลักดันให้ได้รับเเต้มต่อมากขึ้นอย่างน้อย 25% จากการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ และเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับภาคเอกชนที่จัดซื้อสินค้า SME และ Made inThailand ขณะที่ตลาดในประเทศถือเป็นตลาดที่สำคัญของ SME ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าจากจีนเข้ามาแข่งขันเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ SME ไทยไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนได้อย่างแน่นอนดังนั้น SME ควรต้องปรับแนวทางโดยการพัฒนาสินค้าให้แตกต่าง เน้นเรื่องคุณภาพและมาตรฐานเพื่อรองรับตลาดบนให้มากขึ้น
ส่วนการส่งเสริมสินค้า Made in Thailand อาจจะขยายขอบเขตให้ครอบคลุมทั้งการใช้วัตถุดิบการผลิตในไทย การนำชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบจากภายนอกประเทศเข้ามาผลิตในประเทศไทย รวมไปถึงการบริการ อาทิ โลจิสติกส์ และแรงงานคนไทยที่มีทักษะความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่เป็นที่ต้องการทั่วโลก อีกทั้งควรมีการสร้างการมีตัวตนและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า Made in Thailand และทำการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานเพื่อให้เกิดความยั่งยืน รวมถึงการปรับมุมมองทัศนคติของผู้ประกอบการ SME เพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ การชำระหนี้ รวมถึงการทำธุรกิจอย่างถูกต้องในระบบ เป็นต้น
นอกจากนี้สถาบัน SMI ได้มีการจัดกิจกรรม“เปิดกล่องของขวัญเพื่อ SME ปี 2567” อย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีใน จ.สุรินทร์ ซึ่งภายในงานจะมีการบริการรับรองสินค้า Made in Thailand (MiT) บริการขึ้นทะเบียนบาร์โค้ด บริการงบสนับสนุน SME และในการจัดกิจกรรมดังกล่าวคาดว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนา SME รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME ได้รับความรู้และโอกาสทางธุรกิจอย่างเต็มที่ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมและพัฒนา SME ให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเครือข่ายธุรกิจในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยสร้างความสัมพันธ์และโอกาสในการร่วมมือทางธุรกิจอีกด้วย
ดร.ปณิตา ชินวัตร รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานในภาพรวมของมาตรการ BDS “SME ปัง ตังได้คืน”(ณ 2 กันยายน 2567) มีผู้ประกอบการสมัครสมาชิกบนระบบ BDS จำนวน 32,922 รายผู้ประกอบการยื่นเอกสารขอรับความช่วยเหลือ 9,903 ราย ผู้ประกอบการได้รับการยืนยันตัวตน/จัดกลุ่มแล้ว 5,967 ราย ผู้ประกอบการยื่นข้อเสนอการพัฒนา 2,746 ราย/ 2,927 ข้อเสนอ
สำหรับแนวทางการดำเนินโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS ปีงบประมาณ 2567 และแผนในปี 2568 สสว.มีงบประมาณในการสนับสนุนผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS ณ ปัจจุบันคงเหลือประมาณ 100 ล้านบาท ให้ระยะเวลายื่นข้อเสนอการพัฒนาบนระบบ BDS ในปี 2567 :1 กันยายน ถึง 30 พฤศจิกายน 2567 และผู้ประกอบการจะมีระยะเวลาในการพัฒนา ไม่เกินวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ส่วนการยื่นข้อเสนอการพัฒนาบนระบบ BDS ในปี 2568 คาดว่าจะเริ่มได้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป
งบประมาณการให้ความช่วยเหลือ อุดหนุน แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จากเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านผู้ให้บริการทางธุรกิจ (BDSP) จะได้รับสัดส่วนความช่วยเหลืออุดหนุน 50-90% ตามประเภทธุรกิจและเกณฑ์กำหนด วงเงินความช่วยเหลืออุดหนุนสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี