นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers’ Meeting: AEM) ครั้งที่ 56 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 ว่า การประชุมครั้งนี้ มีผู้นำที่เป็นรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ รวม 10 ประเทศ โดยสปป.ลาว เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบผลการดำเนินการด้านเศรษฐกิจของอาเซียน และรับรองเอกสารผลลัพธ์สำคัญ รวม 17 ฉบับ อาทิ ปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างกัน การทบทวนกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อเตรียมการเจรจายกระดับความตกลงทรัพย์สินทางปัญญาอาเซียน และแผนงานว่าด้วยมาตรฐานการค้าดิจิทัลของอาเซียน
พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้ร่วมหารือเพื่อกำหนดทิศทางของการรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจภายใต้วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนใหม่หลังปี 2568 และการดำเนินการด้านความยั่งยืน อาทิ เศรษฐกิจหมุนเวียน และการลดการปล่อยคาร์บอน ตลอดจนเตรียมรายงานผลลัพธ์การดำเนินการต่อคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และผู้นำอาเซียนในเดือนตุลาคม 2567
“ไทยได้เสนอให้มีการเร่งการเจรจากรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน หรือ DEFA เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้เพื่อเป็นการร่วมมือกันของประเทศสมาชิกอาเซียนที่จะอำนวยความสะดวกทางการค้า สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ภาคธุรกิจในการค้าข้ามแดนที่ไร้รอยต่อในอาเซียน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าสินค้าและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องให้เติบโต รวมทั้งดึงดูดการลงทุนจากทั้งภายในและภายนอกภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้น โดยได้ผลักดันให้คณะเจรจาเร่งเจรจาให้คืบหน้าอย่างน้อย 50% ในปลายปีนี้“ นายพิชัย กล่าว
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน 10 ประเทศ ได้ร่วมกันหารือกับผู้อำนวยการใหญ่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ในประเด็นความร่วมมือการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเชิงพาณิชย์ การร่วมมือกันระหว่างอาเซียนสร้างมาตรฐาน เพิ่มขีดความสามารถของอาเซียนในเศรษฐกิจดิจิทัล และผลักดันการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาในเศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจสีฟ้า ทั้งยังส่งเสริมและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันโดยเฉพาะ SMEs ที่ช่วยในการเข้าถึงการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของตนได้
นายพิชัย กล่าวว่า ไทยจะร่วมผลักดันประเด็นความร่วมมือกับองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ในการพัฒนาเสริมสร้างนวัตกรรม ด้วยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการสร้างระบบค้นหาข้อมูลการจดสิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้าอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงฐานข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาของทุกประเทศสมาชิกอาเซียนได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ช่วยยกระดับขีดความสามารถของภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) เยาวชน สตรี และผู้พิการ ในการนำทรัพย์สินทางปัญญาเชิงพาณิชย์ ไปจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาให้ง่ายและรวดเร็ว การปกป้องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของตน และการเพิ่มมูลค่างานของตนในการได้รับความคุ้มครองจากการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลนี้ในการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล การใช้นวัตกรรม และเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ทั้งนี้ คาดว่าความร่วมมือดังกล่าวจะยกระดับขีดความสามารถด้านทรัพย์สินทางปัญญาภายในภูมิภาคอาเซียน ช่วยให้การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนจะมีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากระบบทรัพย์สินทางปัญญาที่มีความก้าวหน้าและสามารถปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี