'เจ้าสัวประชัย เลี่ยวไพรัตน์' โชว์วิสัยทัศน์แนะรัฐบาล 3 วิธีกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน
วันนี้ (23 ก.ย.67) นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์วิธีกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนแก่รัฐบาล 3 วิธี ดังนี้
1.วิธีตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ที่ 30 บาทต่อลิตรหน้าปั๊มน้ำมันเพื่อไม่ให้ค่าขนส่งขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้ราคาสินค้าขึ้นน้อยลงเป็นการรักษาระดับราคาสินค้า ปรกติน้ำมันดิบเมื่อนำมากลั่นจะออกมาเป็นน้ำมัน 3 -4 ชนิดหลักๆ ได้แก่น้ำมันดีเซล ประมาณ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ น้ำมันเบนซิน น้ำมันแนฟท่า พวกอโรแมติกและน้ำมันเตาอีกประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นถ้าเราตรึงราคาน้ำมันดีเซลในราคาพอสมควรคือ 30 บาทต่อลิตร โรงกลั่นน้ำมันก็สามารถโอนต้นทุนไปสู่น้ำมันเบนซิน น้ำมันเตา น้ำมันแนฟท่า และพวกอโรแมติกส์ ซึ่งถ้าตอนนี้ส่งออกก็จะมีกำไร แต่ถ้าต้องโอนต้นทุนของดีเซลไปให้น้ำมันเบนซินและพวก aromatics ทั้งหลายก็อาจจะทำให้ตันทุนสูงขึ้น และทำให้กำไรของโรงกลั่นลดน้อยลงแต่ไม่ถึงกับขาดทุน
เพื่อตรืงราคาน้ำมันดีเซล ให้กระทรวงพาณิชย์ สั่งโรงกลั่นให้ขายราคาน้ำมันดีเซลในราคาควบคุม 28 บาทต่อลิตรหน้าโรงกลั่นและสั่งควบคุมราคาหน้าปั๊มน้ำมันดีเซล 30 บาทต่อลิตร และกระทรวงพาณิชย์ต้องห้ามส่งออกน้ำมันดีเซล มิฉะนั้นโรงกลั่นจะแกล้งส่งน้ำมันดีเซลทำให้น้ำมันดีเซลขาดแคลน และจะบังคับให้รัฐบาลขึ้นราคาน้ำมันดีเซลอีก
สำหรับน้ำมันเบนซินและน้ำมันเตา ให้เปิดเสรี ใครจะขายราคาเท่าไหร่ก็ได้ แต่ท้ายที่สุดน้ำมันเบนซินก็จะไม่แพงเกินไป เพราะน้ำมันเบนซินเมื่อสูงขึ้นก็จะ Export ได้ลำบาก เพราะฉะนั้นก็จะมีการแย่งกันขายแข่งกันขาย ทำให้ราคาน้ำมันเบนซินอยู่ในระดับสูงพอสมควร แต่ไม่สูงเกินไปและโรงกลั่นก็จะมีกำไรพอสมควร ไม่ทำกำไรเกินควรอย่างทุกวันนี้ ในการนี้รัฐบาลยังสามารถเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันได้เพื่อลดหนี้ 1 แสนล้านบาทของกองทุนน้ำมันที่นายสุพัฒนพงษ์ ก่อขึ้น
2.เนื่องจากขณะนี้คนจนเป็นลูกหนึ้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หลายล้านคนเป็นหนี้ที่ไม่ก่อรายได้เป็นจำนวนมากกว่า 4 ล้านล้านบาท ทำให้ต้องเข้าอยู่ในบัญชี credit bureau เป็นเหตุให้ธนาคารไม่สามารถปล่อยกู้ให้คนเหล่านึ้ได้แม้ว่ารัฐบาลจะอนุมัติเงิน 1 ล้านล้านบาทมาให้ธนาคารปล่อยกู้ แต่ธนาคารก็ปล่อยกู้ได้แค่ 1. 5 แสนล้านบาทเท่านั้น
วิธีแก้ความยากจนไร้อาชีพของคนสิบกว่าล้านคนนี้ตัองให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยออกระเบียบให้ธนาคารพาณิชย์เรียกลูกหนี้เหล่านี้มารับสภาพหนี้และทำสัญญากู้ใหม่ให้ชำระหนี้คืนหลัง 5 ปีไปแล้วพร้อมชำระดอกเบี้ยปีละ 1% คืนใน 3 ปีหลังจากนั้นและไม่ต้องอยู่ในบัญชี credit bureau ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้เหล่านี้สามารถกู้เงินได้และธนาคารพาณิชย์ก็สามารถปล่อยกู้หนี้ดอกเบี้ยถูก 2-3 ล้านล้านบาทให้ผู้ยากไร้เหล่านี้ไปเริ่มประกอบอาชีพใหม่ ซื่งน่าจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ภายใน 5 ปี เจ้าหนี้ก็จะได้หนี้เงินคืนในที่สุด ธนาคารพาณิชย์ก็ไม่ต้องบันทึกเป็นหนี้ที่ไม่ก่อรายได้และสามารถบันทึกกำไร 4 ล้านล้านบาททำให้ราคาหุ้นของธนาคารดีขึ้นมากและกระทรวงการคลังก็เก็บภาษีเงินได้เพิ่มอีก 1 ล้านลัานบาท คนจนเหล่านี้จะมีสัมมาอาชีพมีความสุขโดยทั่วหน้า
3.นโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลต้องการทำอย่างเร่งด่วน นอกจากการทำโครงการใหญ่ๆ ทั้งหมดให้รีบออกมาโดยด่วน ยังมีอีกวิธีหนึ่งซึ่งสำคัญที่สุดด้วยนั่นคือการลดค่าเงินบาทลง 10% ให้ 1 ดอลลาร์เท่ากับ 37 บาท (เหมือนเมี่อปี 2566) แทนที่จะเป็น 33 บาทอย่างทุกวันนี้จะทำให้การส่งออกสินค้าง่ายขึ้น ทั้งสินค้าเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการว่าจ้างแรงงานของประเทศ ทำให้คนว่างงานน้อยลงและก็จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างได้ผลเพิ่ม GDP อีกหลายเปอร์เชนต์ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี