nn บมจ.ไทยออยล์...คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์นี้ (23 ก.ย. - 27 ก.ย. 2567)….โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อย หลังหลังสถานการณ์ในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้งเนื่องจากเครื่องมือสื่อสารถูกแฮก และเกิดระเบิดขึ้นในเลบานอน ขณะที่แหล่งผลิตน้ำมันดิบในบริเวณอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ ยังคงหยุดดำเนินการจากเหตุพายุเฮอร์ริเคน Francine พัดถล่ม นอกจากนี้สหรัฐฯ มีแผนซื้อน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) อย่างไรก็ตามธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.5% บ่งชี้ถึงตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงฟื้นตัวช้า ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันดิบจีนยังคงอ่อนแอ และ Goldman Sachs และ Citigroup ปรับลดคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน (GDP) ในปี 2567…ไทยออยล์...คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 67-77 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล…ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 70-80 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล...
nn บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง (TPCH) นำโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในประเทศหลายโครงการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตทั้ง แบบ T-VER และ I-RECs...พร้อมวางแผนระยะยาวสำหรับการเป็น Net Zero ในอนาคต...ส่วนโครงการพลังงานทดแทนต่างประเทศ TPCH มีแผนจะขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตในรูปแบบมาตรฐานสากล...
nn ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group...ระบุว่า การลงทุนของ EGCO Group ใน บริษัท เอเพ็กซ์ คลีน เอ็นเนอร์ยีโฮลดิ้ง แอลแอลซี (APEX) ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในอเมริกา เป็นการลงทุนใน Portfolio พลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจของ APEX ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาก่อสร้าง เดินเครื่อง และจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทำให้รูปแบบการลงทุนนี้ไม่ใช่แค่การลงทุนในโรงไฟฟ้าเหมือนที่ผ่านมาคือ เราไม่ได้ “ผลิตไฟฟ้าและขายไฟฟ้า” เท่านั้น แต่ตอนนี้เรา “สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและขายโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน” ด้วย...EGCO Group เข้าถือหุ้น 17.46% ใน APEX ตั้งแต่ปี 2564 เนื่องจากเห็นโอกาสการลงทุนในอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดไฟฟ้าและพลังงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยจำนวนประชากรกว่า 300 ล้านคนและมูลค่าเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นเบอร์ 1ของโลก ตลอดจนนโยบายสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดที่ชัดเจน สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของ EGCO Group ภายใต้แนวคิด “Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth” ที่มุ่งก้าวกระโดดไปพร้อมกับกระแสการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน...ณ เดือนมิถุนายน 2567 APEX มีโครงการพลังงานหมุนเวียนใน Pipeline รวม 211 โครงการ กำลังผลิตรวมกว่า 56,400 เมกะวัตต์ ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ไฮโดรเจน และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ แบ่งเป็นโครงการที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว 3 โครงการ กำลังผลิตประมาณ 300 เมกะวัตต์ โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 7 โครงการ กำลังผลิตประมาณ 1,100 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 201 โครงการ กำลังผลิตรวมกว่า 55,000 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเหล่านี้ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานลม 51% พลังงานแสงอาทิตย์ 27% ไฮโดรเจน 15% และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ 7%...สำหรับเป้าหมายสำคัญของ APEX ในปี 2567 คือ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนให้แล้วเสร็จและจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ จำนวน 7 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 1,210 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเติมกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นเข้ามาใน Portfolio ของ EGCO Group ประมาณ 200 เมกะวัตต์...การลงทุนใน APEX จึงเปรียบเสมือนเรือธง (Flagship) ที่จะขยาย Portfolio พลังงานหมุนเวียนของ EGCO Group ให้เติบโตจาก 21% ของกำลังผลิตทั้งหมดในปัจจุบัน เป็น 30% ภายในปี 2030 ได้ตามเป้าหมาย...
nn ความคืบหน้าการจัดทำแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan : NEP)...ขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างทบทวนร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP 2024) หลังจากผ่านการรับฟังความเห็นประชาชนไปแล้ว ซึ่งกำลังพิจารณาเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกตามที่ประเทศไทยได้เสนอไว้กับประชาคมโลก (National Determined Contribution- NDC) ที่จะลดก๊าซเรือนกระจกลง 30-40% ภายในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573)…โดยที่ผ่านมาร่างแผน PDP 2024 มีแนวทางจะลดก๊าซเรือนกระจกลงกว่า 30% แต่ขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาว่าจะเพิ่มเป้าหมายเป็น 40% แทน ซึ่งหากทำได้จะส่งผลดีให้การไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) เป็นไปได้ง่ายขึ้น...ทั้งนี้ การทบทวนสัดส่วนการลดก๊าซเรือนกระจกดังกล่าว จะต้องพิจารณาถึงระบบไฟฟ้าในการรองรับพลังงานทดแทนที่เพิ่มขึ้นรวมถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก่อนด้วย....แผนพลังงานทั้งหมด 5 แผน หลังจากผ่านการเปิดรับฟังความเห็นไปแล้วได้แก่ 1.แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP 2024)2.แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติพ.ศ. 2567-2580 (Gas Plan 2024) 3.แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงพ.ศ.2567-2580 (Oil Plan 2024)4.แผนปฏิบัติการด้านพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2567-2580 (AEDP 2024) และ 5. แผนปฏิบัติการด้านการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2567-2580 (EEP 2024)...ขณะนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบแต่ละแผน อยู่ระหว่างทบทวนและจัดส่งร่างแผนดังกล่าวกลับมาที่ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ซึ่งคาดว่าจะรวบรวมได้เสร็จภายในเดือน ต.ค. 2567เพื่อจัดทำเป็นแผนพลังงานชาติ (NEP) จากนั้นจะเปิดรับฟังความเห็นแผน NEP อีกครั้ง ก่อนเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป...nn
กระบองเพชร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี