นางสาวรัชฎา วานิชกร ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต กล่าวในหัวข้อ “ภาษีคาร์บอน กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ” ในงานสัมมนา Road to Net Zero 2024 :The Extraodinary Green จัดโดยฐานเศรษฐกิจว่า ประเทศไทยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 372ตันคาร์บอนต่อปี โดยส่วนใหญ่มาจากภาคพลังงานและภาคขนส่ง คิดเป็น 70% รองลงมาเป็นภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และการจัดการของเสียซึ่งในปี 2050 ประเทศไทยได้ประกาศและให้คำมั่นสัญญาไว้ว่าจะเดินหน้าประเทศสู่เน็ตซีโร่ หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และตั้งเป้าหมายที่ใกล้กว่านั้นคือปี 2030 จะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 30-40%
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมโดยจะมีการบังคับใช้กฎหมายใหม่ ร่าง พ.ร.บ.Climate Change ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างเสนอต่อรัฐสภา ซึ่งจะเป็นกฎหมายที่ครอบคลุมการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยจะมีการบังคับใช้
กลไกภาคบังคับในการจัดเก็บภาษีคาร์บอน รวมทั้งกลไกภาคสมัครใจของตลาดคาร์บอนเครดิต โดยเบื้องต้น ในปี 2024 ได้เริ่มกระบวนการเสนอร่างพ.ร.บ. Climate Change ต่อสภาฯ อย่างไรก็ตามยังต้องใช้เวลาอีก 4-5 ปี ในช่วงระหว่างปี 2024-2029ก่อนที่จะกลไกของตลาดคาร์บอนภาคบังคับในไทยจะเริ่มมีผลใช้บังคับ และ กรมสรรพสามิต ได้เสนอให้มีการใช้กลไกของ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต เป็นการเก็บภาษีคาร์บอนนำร่องไปพลาง ก่อนที่กฎหมายใหม่จะมีผลบังคับใช้ โดยการเก็บภาษีของสินค้าที่ปล่อยมลพิษสูงและอยู่ในพิกัดสรรพสามิต
นางสาวรัชฎากล่าวอีกว่า จากการศึกษากรณีตัวอย่างในต่างประเทศในการคำนวณกลไกราคาคาร์บอน โดยการนำสินค้าเชื้อเพลิงจำนวนเท่ากันไปเผาไหม้แล้วบันทึกปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกมา ซึ่งเชื้อเพลิงแต่ละชนิดมีความสะอาดไม่เท่ากัน โดยเบื้องต้นภาครัฐได้มีการกำหนดราคาคาร์บอนเป็นราคาเดียว ซึ่งยุโรปราคาคาร์บอนสูงกว่า 100 ดอลลาร์ ญี่ปุ่น อยู่ที่3 ดอลลาร์ สิงคโปร์จากเริ่มต้น 5 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเป็น 25 ดอลลาร์ ส่วนประเทศไทยยังไม่กำหนด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา เบื้องต้นกำหนดไว้ที่ 200 บาท หรือประมาณ 6 ดอลลาร์
“เมื่อนำราคาคาร์บอนไปคำนวณกับปริมาณเชื้อเพลิงก็จะได้ออกมาเป็นกลไกราคาคาร์บอนที่อยู่ในเชื้อเพลิงแต่ละประเภท ซึ่งที่ปล่อยคาร์บอนมากที่สุดคือ LPG รองลงมาเป็นน้ำมันเตา ดีเซล และเบนซิน กรมสรรพสามิตต้องการบรรลุเป้าหมายในการขับเคลื่อนนโยบายภาษีคาร์บอนคือ สะท้อนให้ผู้ใช้เห็นว่าต้นทุนในการใช้เชื้อเพลิงที่ปล่อยคาร์บอนออกมา แต่ยังไม่ต้องกังวลว่าภาษีคาร์บอนจะทำให้ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น และเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยในช่วงแรกจะเป็นการสร้างความตระหนักสำหรับภาคอุตสาหกรรมรวมถึงประชาชน ว่ากิจกรรมที่ทำนั้นมีราคาของคาร์บอน แต่จะไม่ให้กระทบกับต้นทุนในการใช้ชีวิตและประกอบธุรกิจ แนวนโยบายดังกล่าวจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็ววันนี้ ก่อนจะมีความชัดเจนว่าสุดท้ายแล้วจะกำหนดราคาคาร์บอนที่ 200 บาทหรือไม่”นางสาวรัชฎา กล่าว
ทั้งนี้ นโยบายภาษีคาร์บอนคาดหวังว่าจะทำให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมได้เตรียมความพร้อมสำหรับต้นทุนในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อวางแผนในการคำนวณต้นทุน การลงทุนในการปรับเปลี่ยนไปสู่เทคโนโลยีสะอาด ว่ามีความคุ้มค่าแค่ไหน ส่วนภาคประชาชนเองจะได้ตระหนักว่าการใช้ชีวิตมีต้นทุนในการปล่อยคาร์บอน ขณะที่ภาคสิ่งแวดล้อมมีการดูแลที่ชัดเจนมากกว่าเดิมที่ไม่มีกลไกคาร์บอนภาคบังคับเลย ครอบคลุม 25% ของการปล่อยคาร์บอนทั้งหมด ส่วนภาครัฐก็จะมีกลไกภาษีในการเตรียมการก่อนที่จะใช้กลไกคาร์บอนเต็มพิกัดและตลาดคาร์บอนภาคบังคับที่มีผลใช้จริงอีก 4-5 ปีข้างหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี