Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า แม้การส่งออกจะขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แต่ถูกขับเคลื่อนจากวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอยู่ช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ Hard Disk Drive (HDD) ที่อยู่ในวัฏจักรขาขึ้นอานิสงส์จากความต้องการใช้งานปัญญาประดิษฐ์และการลงทุน Data Center ของโลกซึ่งสอดคล้องกับหลายประเทศในเอเชีย อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของการส่งออกยังไม่กระจายตัวอย่างทั่วถึง สินค้าสำคัญหลายรายการยังหดตัว เช่น รถปิกอัพและรถบรรทุก อุปกรณ์และส่วนประกอบของรถยนต์ แผงวงจรไฟฟ้า เม็ดพลาสติก เครื่องครัวและของใช้ภายในบ้าน มันสำปะหลัง และน้ำตาลทราย ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีสัดส่วนรวมกันถึงประมาณ 16.7% ของมูลค่าการส่งออก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัญหาเชิงโครงสร้างด้านความสามารถในการแข่งขัน ประกอบกับการค้าโลกขยายตัวได้จำกัด โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวเปราะบาง
ทั้งนี้ เมื่อมองไปข้างหน้า การส่งออกของไทยอาจได้รับแรงกดดันจากการอ่อนแรงลงของภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศสำคัญ สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Flash Manufacturing PMI) เดือน ก.ย. ของสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งหดตัวลงแรงขึ้นจากเดือนก่อน นอกจากนี้ การแข็งค่าขึ้นมากของเงินบาทภายหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่แรงกว่าคาดของเฟดในเดือน ก.ย. ถึง 50 bps ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือน หากพิจารณาเฉพาะช่วงเดือน ก.ย. ค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญ โดยแข็งค่าถึง 3.5% MTD เทียบจากช่วงต้นเดือน (ข้อมูล ณ วันที่ 23 ก.ย.) ปัจจัยดังกล่าวนี้จะเป็นอุปสรรคเพิ่มเติมต่อโอกาสในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย
ขณะที่ นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าเร็ว จาก 36 บาทต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ต่ำกว่า 33 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นกว่า 10% เป็นอุปสรรคต่อภาคการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นสำคัญ เช่น ข้าวไทย ที่ต้องแข่งขันกับเวียดนาม ปกติข้าวเวียดนามจะมีราคาต่ำกว่าข้าวไทยประมาณ 50 บาทต่อตัน และตอนนี้เงินดองเวียดนาม แข็งค่าเพียง 3% แต่บาทแข็ง 10-11% ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยจะมีอุปสรรคใหญ่มาก ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด
“ปัจจุบันไทยกลายเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 3 ของโลก จากเดิมเคยเป็นอันดับ 1 เนื่องจากความสามารถในการแข่งขันอาจต่ำกว่าอินเดียและเวียดนาม ทำให้ข้าวซึ่งเป็นผลผลิตที่น่าจะดีในปีนี้ อาจถูกระบายออกไปยังต่างประเทศลำบาก รวมถึงอาจถูกกดราคา ขณะที่ประเทศไทยมากกว่า 60 จังหวัด พึ่งพาข้าวเป็นสำคัญในการหารายได้จะยิ่งทำให้กำลังซื้อในประเทศแผ่วลง”
ทั้งนี้ภาคเอกชนจึงมีความกังวลว่าบาทแข็งจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยลดน้อยถอยลง และอาจจะทำให้ส่งออกชะลอตัวลง และอาจต้องดึงราคาสินค้าเกษตรในประเทศลง เพื่อจะตั้งราคาแข่งกับนานาชาติ หากค่าบาทแข็งเร็วและมากไปกว่านี้ จึงอยากให้ทางการโดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารแห่งประเทศไทย ดูแลค่าเงินบาทอย่าให้แข็งมากไปกว่านี้ โดยมองว่า จุดที่จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยแข่งกับนานาชาติได้ คือบาทควรจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนยังมองว่าการส่งออกปีนี้น่าจะขยายตัวได้ 2-2.5% เพราะออเดอร์ที่มีอยู่แล้ว แต่ต้องส่งออกด้วยราคาที่เป็นมูลค่าดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเมื่อแปลงเป็นเงินบาทแล้วจะทำให้เงินสะพัดหรือเงินหมุนเวียนในรูปเงินบาทน้อยลง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี