นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ากรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้วิเคราะห์สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนสิงหาคม 2567 พบว่ามีจำนวน 7,599 ราย เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2566 เพิ่มขึ้น 175 ราย หรือ 2.36% และทุนจดทะเบียน 17,649.67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2566 ลดลง 7,256.08 ล้านบาท หรือ 29.13%
เมื่อวิเคราะห์เชิงลึกพบว่าเดือนสิงหาคม 2566 มีธุรกิจตั้งใหม่จดทะเบียนทุนสูง 4,099.50 ล้านบาททำให้ทุนจดทะเบียนเดือนสิงหาคม 2567 ลดลงผิดปกติ แต่เมื่อไม่นับรวมธุรกิจดังกล่าว ทุนจดทะเบียนเดือนสิงหาคม 2567 จะอยู่ที่ 3,156.58 ล้านบาท คิดเป็น 15.17% ธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร
“การจัดตั้งธุรกิจใหม่สะสม 8 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-สิงหาคม 2567) มีจำนวน 61,819 ราย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เพิ่มขึ้น 261 ราย คิดเป็น 0.42% ทุนจดทะเบียน 186,432.87 ล้านบาท ลดลง 283,768.58 ล้านบาทคิดเป็น 60.35% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 สืบเนื่องมาจากในปี 2566 มีทุนจดทะเบียนสูงสุดในประวัติการณ์เพราะมี 2 ธุรกิจที่ทุนจดทะเบียนเกิน 100,000 ล้านบาท ได้ควบรวมและแปรสภาพ ทั้งนี้ 8 เดือนแรกมีประเภทธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร
การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจช่วง 8 เดือนแรก(มกราคม-สิงหาคม 2567) เพิ่มต่อเนื่องและกระจายตัวเติบโตในธุรกิจทุกประเภท ทั้งนี้ กรมฯ ยังคาดการณ์ตัวเลขการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจปี 2567 อยู่ที่ 90,000 - 98,000 ราย
การจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือนสิงหาคม 2567 มีจำนวน 2,063 ราย เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2566 เพิ่มขึ้น 56 ราย คิดเป็น 2.79% และทุนจดทะเบียน 13,813.93 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2566 เพิ่มขึ้น 6,775.91 ล้านบาท คิดเป็น 96.28% เดือนนี้มีธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนเลิกเกิน 1,000 ล้านบาท คือธุรกิจโรงงานผลิตและจำหน่าย ให้เช่าเทปคาสเซ็ตต์ แผ่นเสียงแถบบันทึกเสียงฯ ที่มีทุนจดทะเบียน 4,411.50 ล้านบาท หากไม่รวมธุรกิจรายนี้ทุนจดทะเบียนเลิกประกอบธุรกิจเดือนสิงหาคม 2567 จะลดลงเพียง 2,364.41 ล้านบาท คิดเป็น 33.59%
การจดทะเบียนเลิกสะสม 8 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-สิงหาคม 2567) มี 9,992 รายเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ลดลง 979 ราย คิดเป็น 8.92% ทุนจดทะเบียนเลิกสะสมอยู่ที่ 99,393.33 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เพิ่มขึ้น 35,222.68 ล้านบาท คิดเป็น 54.89% ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2567 มีธุรกิจด้านโทรคมนาคมและการสื่อสาร 1 ราย ทุนจดทะเบียนกว่า 48,209.34 ล้านบาท ได้จดทะเบียนเลิกกิจการ เป็นสาเหตุให้ตัวเลขทุนจดทะเบียนเลิก8 เดือนแรกสูงกว่าปกติ หากตัดธุรกิจดังกล่าวออกไปทุนจดทะเบียนเลิกจะอยู่ที่ 51,183.99 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนจำนวนการจดทะเบียนเลิก คิดเป็น 16.16% ของการจัดตั้งธุรกิจใน 8 เดือนแรกสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าจำนวนการจดทะเบียนเลิกใน 8 เดือนแรกของปี 2567 มีสัดส่วนที่น้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ที่มีสัดส่วน 17.82% ของการจัดตั้งธุรกิจ
สำหรับการวิเคราะห์รายธุรกิจในเชิงลึกพบว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมา “ธุรกิจร้านอาหาร” มีแนวโน้มการเติบโตแบบก้าวกระโดดภายหลังจากผ่านช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 มีการจัดตั้งธุรกิจและทุนจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้น ในปี 2566 มีการจัดตั้งธุรกิจ 4,017 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 996 ราย คิดเป็น 32.97% ทุนจดทะเบียน 8,078.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 1,490.29 ล้านบาท คิดเป็น 22.62% โดย 8 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-สิงหาคม) มีธุรกิจร้านอาหารที่จัดตั้งใหม่ 2,847 ราย มูลค่าทุน 5,826.03 ล้านบาทนิติบุคคลที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยมีทั้งสิ้น 44,508 ราย มูลค่าทุน 220,916.70 ล้านบาท
ธุรกิจร้านอาหารสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 63,000 ล้านบาท ในปี 2564 มีรายได้ 179,645.68 ล้านบาท ปี 2565 มีรายได้ 244,412.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.05% และ ปี 2566 มีรายได้ 306,618.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.45% ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารทำกำไรดีขึ้น (หรือขาดทุนลดลง)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี