โอนไม่ได้ 3.8 แสนคน
แจก 1 หมื่นเฟสแรก
รอบ 2 ยังไร้ข้อสรุป
ลดวงเงินเหลือ 5 พัน
รมช.คลังเผยแจกเงิน 10,000 บาท เฟสแรกผ่านไป 4 วัน โอนไม่สำเร็จ 3.8 แสนราย ย้ำรัฐบาลโอนซ้ำอีก 3 รอบก่อนสิ้นปี ส่วนเฟส 2 ยังไม่ชัดลดวงเงินเหลือ 5,000 บาท ต้องรอมติบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจสรุป ประธานหอค้าอันดามันมองแจก 1 หมื่นบาทเฟสแรก ดันพายุหมุนศก.ได้ทั่วถึง แต่ต้องกระตุ้นต่อเนื่อง 3-5 รอบ โดยทำเป็นระบบ ถึงจะเกิดผล คาดรอบแรกเป็นพายุหมุนทางศก.ได้ประมาณ 3-5 แสนล้าน จี้รบ.แจกต่อ อย่าโอนกะปริบกะปรอย พร้อมเข็นมาตรอื่นๆเสริม
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567 ที่มีการจ่ายเงิน 10,000 บาท ผ่านประชาชนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการรวม 4 วันว่า ได้ดำเนินการโอนครบถ้วน ซึ่งมีผู้ที่โอนไม่ผ่าน 380,000 ราย ประมาณ 2% ถือเป็นตัวเลขที่รับได้และรัฐบาลจะโอนซ้ำให้ 3 รอบคือวันที่ 22 ของทุกเดือนตั้งแต่เดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม
นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นกลุ่มผู้พิการยังมีผู้ค้างอยู่ 8,829 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ มีปัญหาเรื่องบัตร และมีบางส่วนสิทธิ์ซ้ำกับกลุ่มเปราะบาง ประมาณ 93,000 ราย ทางกรมบัญชีกลางได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าบางส่วน เพราะบางคนมีทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและมีบัตรผู้พิการจึงมีการเปลี่ยนช่องทางการโอนเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเงินก็เรียบร้อย และมีผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการอีก 372,458 ราย เป็นกลุ่มที่ไม่มีบัญชีหรือบัญชีปิดไปแล้ว ทางธนาคารถือว่าบัญชีไม่มีการใช้เงินกว่า 20,000 ราย และยังมีผู้ที่ไม่ผูกบัญชีพร้อมเพย์ด้วยก็เลยโอนเงินไม่ได้ ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบสิทธิ์ตัวเองได้ในช่องทางรัฐจ่าย และต้องดูเป็นกรณีไป เพราะที่ผ่านมาได้รับข้อมูลจากทางออนไลน์ ถ้าสงสัย แต่ไม่มีข้อมูลพื้นฐาน รัฐก็ไม่สามารถเช็คให้ได้ ต้องให้เลขบัตรประชาชนและชื่อกับรัฐบาลในการตรวจสอบ
นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้เงินเข้าระบบไปแล้วประมาณ 141,000 ล้านบาท และการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการคาดการณ์เบื้องต้นจะโต 3.35% ส่วนการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์นั้น ตอนนี้เราต้องคิดเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว เพราะถ้ารออีก 3 เดือน อาจจะเกิดผลทางลบต่อเศรษฐกิจ เชื่อว่าการปรับครั้งนี้เป็นการปรับให้ตรงกับผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ซึ่งยอมรับว่ามีการใช้นอกเหนือจากสิ่งที่เราหวัง แต่เมื่อเทียบกับสัดส่วนคิดเป็นจำนวนน้อยมาก และนำเรื่องนี้มาเป็นปัญหาจนไม่สามารถเดินหน้าโครงการไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในเฟสถัดไปพยายามทำในรูปแบบดิจิทัล รวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อให้เม็ดเงินตรงกับสิ่งที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ทั้งหมดให้ได้
นายจุลพันธ์ยังกล่าวถึงการดำเนินการแจกเงินหมื่นบาทในเฟส 2 จะแจกเพียง 5,000 บาท ว่า ยังไม่มีข้อสรุป ต้องรอกลไกในการตั้งคณะกรรมการการประชุม และมีการมอบหมายงานเพื่อทำข้อสรุป และนำเสนออีกครั้ง ยังมีเวลาอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า เงื่อนไขของโครงการที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลต่อการตั้งเป้าการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายจุลพันธ์ระบุว่า ก็ลดลงไปตามสัดส่วนในแต่ละรอบ แต่เม็ดเงินที่เติมลงไป ไม่ได้หายไปไหน เป็นสภาพคล่องที่เติมเข้าไปในระบบเงินยังหมุนเวียนอยู่ในระบบ และอาจมีการรั่วไหลบ้าง แต่ต้องดูเรื่องความเหมาะสมในการเติมเม็ดเงินเข้าไปในระบบ เพื่อส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนจะแจกในช่วงเทศกาลเพื่อการใช้เงินที่มากขึ้นหรือไม่ ตนเองยังไม่ขอตอบ ต้องดูอีกทีดีกว่า
ด้านนายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล) ให้สัมภาษณ์ถึงผลจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท แก่กลุ่มเปราะบางและผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเฟสแรก โดยมองว่า การแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาลที่เป็นการแจกเงินสดและลดเงื่อนไขการซื้อได้เฉพาะประเภทร้าน และเปิดพื้นที่การจับจ่ายให้ประชาชนสามารถนำเงินไปใช้จ่ายนอกพื้นที่ทะเบียนบ้านได้ ช่วยให้การหมุนเวียนของเศรษฐกิจสามารถกระจายไปได้อย่างทั่วถึง แต่ในแง่มิติการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ความต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ ทำอย่างไรให้สามารถแจกหรือโอนได้ต่อเนื่อง เพราะถ้าโอนให้ประชาชนแบบกะปริบกะปรอย ก็เหมือนการรดน้ำตอนดินร้อน น้ำก็ซึมหายไปหมด ไม่สามารถสร้างความชุ่มชื้นต่อเนื่องได้ จึงอยากให้รัฐบาลมีโครงการต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ จะได้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง
“สำหรับพายุเศรษฐกิจจากการแจกเงินดิจิทัลในรอบนี้ ปกติแล้วตามที่นักเศรษฐศาสตร์มองไว้ว่า ในการหมุนของเม็ดเงิน ถ้าสามารถหมุนต่อเนื่องได้ 3-5 รอบ การใช้เงินดิจิทัลรอบนี้ 1 แสนกว่าล้านบาท ก็จะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้ราว 3-5 แสนล้านบาท ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้ แต่อยากฝากให้รัฐบาลเร่งดำเนินโครงการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ออกมาอย่างต่อเนื่องด้วย” ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี