นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 ว่า ไทยเบฟมีรายได้จากการขายรวม 217,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้น0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดบัญชี (EBITDA) 38,595 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% โดยได้รับแรงหนุนจากธุรกิจเบียร์และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นผลจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ รายได้จากธุรกิจสุรา 92,788 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA ลดลง 1.3% สาเหตุหลักมาจากปริมาณขายรวมที่ลดลง 2.7% เนื่องจากการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในไทย อย่างไรก็ดีถูกชดเชยได้บางส่วนจากธุรกิจในเมียนมาที่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากปีก่อนทั้งรายได้และ EBITDA
ธุรกิจเบียร์ เติบโต 10.2% ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น 0.6% เป็น 93,793 ล้านบาท เป็นผลจากการลงทุนในแบรนด์สินค้าและกิจกรรมทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง และการผลิตมีที่ประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ปริมาณขายจะลดลง 2.9%
ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ มีรายได้ 15,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามปริมาณขายเพิ่มขึ้น 5.3% ปัจจัยหลักมาจากกิจกรรมส่งเสริมแบรนด์สินค้าที่ประสบความสำเร็จ ประกอบกับการขยายการกระจายสินค้าให้กว้างขึ้น โดยมี EBITDA 1,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% จากประสิทธิภาพการผลิตที่สูงขึ้นและต้นทุนบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง แม้จะมีการลงทุนในแบรนด์สินค้าและกิจกรรมทางการตลาดเพิ่มขึ้นก็ตาม
ธุรกิจอาหาร มีรายได้ 15,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ EBITDA ลดลง 0.6% เป็น 1,438 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโตตามพันธกิจขององค์กร ไทยเบฟได้ต่อยอดความสำเร็จจากแผน PASSION 2025 ด้วยการเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนสู่ PASSION 2030 ซึ่งเป็นแผนการดำเนินงานของกลุ่มไทยเบฟ เพื่อมุ่งสู่การสู่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยการกระจายสินค้าด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่ง
ด้านดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต (Digital for Growth) กลุ่มไทยเบฟมีความตั้งใจที่จะขยายการนำเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลมาใช้ รวมถึงประยุกต์ใช้ระบบขายอัตโนมัติ (sales automation) เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต การดำเนินงานรวมถึงการกระจายสินค้า นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า
ทั้งนี้ เมื่อเดือนกันยายน 2567 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้อนุมัติในการทำธุรกรรมแลกหุ้นระหว่างบริษัท อินเตอร์เบฟ อินเวสท์เม้นท์ลิมิเต็ด (IBIL) บริษัทย่อยที่ไทยเบฟถือหุ้นโดยอ้อมทั้งหมด และบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ลิมิเต็ด (TCCAL) โดย IBIL จะทำการโอนหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ลิมิเต็ด (FPL) ทั้งหมด 28.78% ให้แก่ TCCAL และ TCCAL จะโอนหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ, ลิมิเต็ด (F&N) 41.30% ให้แก่ IBIL ซึ่งจะส่งผลให้ IBIL มีสัดส่วนการถือหุ้นใน F&N เพิ่มขึ้นเป็น 69.61%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี